Favorite
Asher Ratchada
(แอชเชอร์ รัชดา)
ห้องประกาศซื้อ-ขาย แอชเชอร์ รัชดา
หนึ่งในย่านที่คนถามหาคอนโดมากที่สุดในช่วงที่ผ่านมาคือ ย่านรัชดาภิเษก ทำไมหลายคนถึงสนใจหาคอนโดหรือที่พักย่านนี้กันเยอะ เราได้ลองสอบถามผู้คนที่อาศัยอยู่ในคอนโดย่านนี้ จะได้คำตอบที่คล้ายๆกัน ดังนี้
1. เดินทางสะดวก ถนนรัชดาภิเษก เป็นเส้นที่มีรถไฟฟ้า MRT ผ่านตลอดสาย ดังนั้นการเข้าเมืองไปทำงานจึงสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้ง่าย เนื่องจากออฟฟิศสำนักงานของบริษัทต่างๆ มักจะอยู่ตามย่าน รัชดาภิเษก สุขุมวิท สาธร พระราม 9 ซึ่งการใช้รถไฟฟ้าไปที่ทำงานตามย่านต่างๆเหล่านั้นไปได้ค่อนข้างสะดวก
2. หาซื้อของกินของใช้ง่าย ใครอยู่แถวรัชดาภิเษกจะเห็นว่า ที่นี่อาจเป็นถนนที่มีห้างต่างๆอยู่เยอะมากที่สุดแล้วก็ได้ ตลอดเส้นทางประมาณ 5 กิโลเมตรของถนนรัชดาภิเษก มีห้างอยู่เยอะมากๆ ตั้งแต่ เซ็นทรัลพระราม 9 - ฟอร์จูน - เอสพลานาด - Big C Extra - The Street - ตลาดห้วยขวาง นี่ยังไม่รวมถึงร้านเล็กๆและห้างอีกเยอะที่เตรียมจะทำขึ้นแถวนี้ในอนาคต
3. รถไม่ติดมาก ข้อนี้หลายคนอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าคนอยู่รัชดาฯจริงๆจะรู้ว่า ถ้าเทียบรัชดาฯ กับถนนอื่นๆ อย่างสุขุมวิท สาธร ที่นี่สบายกว่าเยอะ เหตุเพราะว่า รัชดาภิเษก ได้มีการทำอุโมงค์ลอดแยกใหญ่ๆไว้ ทั้งอุโมงค์ ห้วยขวาง และ สุทธิสาร ทำให้ เส้นรัชดาฯมีไฟแดงน้อยมาก จะมีก็แค่ตรงแยกที่อยู่หน้า Big C เท่านั้น ทำให้การ flow ของรถทำได้ดีกว่าถนนย่านในเมืองเส้นอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีซอยให้ลัดเลาะไปได้หลายทาง ไม่ว่าจะออกทางวิภาวดี หรือ ไปทางเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราก็ได้
4. ราคายังไม่แพงเกินไป สำหรับมนุษย์เงินเดือน ข้อนี้สำคัญมากๆ หลายคนที่ต้องการคอนโดในเมืองซักที่ คงเคยไปดูคอนโดกันจะเห็นว่าราคาแพงมากๆจนซื้อกันไม่ไหว แต่สำหรับรัชดาฯย่านที่ถือได้ว่าเป็น NEW CBD ( ย่านธุรกิจสำคัญ) ที่มนุษย์เงินเดือนระดับ 18,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป ยังพอเป็นเจ้าของกันได้สบายๆ
จากการวิเคราะห์โดยทีมงาน ลิฟวิ่งอินไซเดอร์ เห็นว่าเหตุผลที่รัชดาภิเษกมีคนต้องการที่อยู่อาศัยเยอะขึ้นเรื่อยๆ จุดสำคัญน่าจะเกิดจากรถไฟฟ้า MRT ที่ผ่านตลอดถนนเส้นนี้ แน่นอนว่ารถไฟฟ้า BTS ผ่านตรงไหน คนก็ไปจะอยู่ตรงนั้นเยอะเหมือนกัน แต่ในไลน์ของ BTS นั้น ถ้าอยู่ย่านในเมือง ราคาคอนโดจะเริ่มเฉลี่ยขั้นต่ำที่ห้องละ 4 ล้านขึ้นไป เพราะ BTS จะผ่านย่านที่เป็น CBD มากกว่า MRT
การที่ราคา 4 ล้านขึ้นไป ทำให้คุณต้องมีเงินเดือนอย่างต่ำที่ 50,000 บาท ซึ่งมนุษย์เงินเดือนหรือ first jobber ทั่วไปไม่ได้สูงขนาดนั้น ดังนั้น การจะหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่ราคาไม่สูงเกินไป ก็ต้องเป็นเส้นของ รถไฟฟ้า MRT
คราวนี้ถ้าเราลองมาดูเส้นทาง MRT ตลอดทั้งเส้นจะเห็นว่า สถานีที่มีความอุดมสมบูรณ์ของไลฟ์สไตล์มากที่สุด จะอยู่ในช่วงสถานี สุขุมวิท ถึง สถานี สุทธิสาร ซึ่งจะเห็นว่าสถานีส่วนใหญ่จะอยู่บนถนนรัชดาภิเษก นี่เป็นสิ่งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมรัชดาฯจึงเป็นย่านนึงที่มีการค้นหาคอนโดมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ขอบคุณภาพจาก land.co.th
นอกจากนี้แล้ว รัชดาฯยังมีการเข้ามาอยู่อาศัยของต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะชาว จีน ใต้หวัน ฮ่องกง ที่ชอบย่านนี้เป็นพิเศษ หลายคนผ่านย่านนี้จะเห็นว่า ร้านขายของหลายๆร้านจะมีภาษาจีนอยู่ที่ป้ายร้านด้วย นี่ถือเป็นข้อดีอย่างนึง เพราะย่านไหนที่มีชาวต่างชาติมาทำธุรกิจหรืออยู่อาศัยเยอะๆ จะทำให้ราคาอสังหาฯมีมูลค่าสูงขึ้นเร็วและยังมีสภาพคล่องในการให้เช่าหรือขายต่อดีด้วย
วันนี้ทีมงานมาเจอคอนโดนึงที่น่าสนใจพอสมควรเลย ลองมาดูกันครับ
Asher Ratchada (แอชเชอร์ รัชดา)
เป็นคอนโด Low-Rise 8 ชั้น อยู่ในซอย 20 มิถุนา แยก 3 แถวนี้จะเรียกว่าย่านสุทธิสารนะครับ ซึ่งเป็นส่วนนึงของย่านรัชดาภิเษก สามารถเดินทางลัดเลาะไปออกได้หลายทาง ทั้ง ลาดพร้าว เหม่งจ๋าย วิภาวดี ตัวคอนโดจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสถานีสุทธิสารประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว แถวๆคอนโดมีวินมอเตอร์ไซค์และเรียกแท็กซี่ได้ไม่ยากครับ นั่งวินไปรถไฟฟ้าใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีครับ
เจ้าของโครงการนี้คือ บริษัท เอ พลัส เรียลเอสเตท จำกัด ซึ่งมีผู้บริหารหนุ่ม 3 ท่านเป็นหุ้นส่วนกัน เห็นหนุ่มๆแบบนี้แต่เก๋าประสบการณ์นะครับ เพราะทำมาโครงการประสบความสำเร็จมาแล้ว 2 คอนโด แถวๆย่าน รัตนาธิเบศร์ ปัจจุบันมีโครงการที่ทำมาแล้วทั้งหมด 4 โครงการแล้วครับ ดังนั้นเรื่องการก่อสร้างและประสบการณ์ด้านอสังหาฯ ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใช่มือใหม่หัดขับ สบายใจได้
การเดินทางไปสำนักงานขายก็ไม่ยากครับ จากแยกสุทธิสาร(ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจ) ก็ตรงเข้ามาอย่างเดียวเลยครับ จนเจอแยกที่มี เซเว่น-อีเลเว่น แล้วเลี้ยวขวา ก็จะเจอสำนักงานขายเลย
มาถึงสำนักงานขายแล้ว
Asher รัชดา เป็นคอนโดที่มีความเป็นส่วนตัว มีแค่ 117 ห้อง Facility ต่างๆทั้งสระว่ายน้ำ ทั้งห้องออกกำลังกายก็มีให้ครบครับ
เราลองมาดูห้องตัวอย่างกันเลยครับ ที่นี่มีห้องขายขนาดเดียวเท่านั้น คือ 27 ตร.ม. แต่ว่ามี 2 แบบครับ คือ แบบ A และ B ซึ่งขนาดเท่ากันทั้งคู่ เราลองมาดูกันเลยครับ ว่าทั้ง 2 แบบแตกต่างกันแบบไหน
เริ่มที่แบบ B ก่อนเลยครับ ดูจากแปลนห้อง จะเห็นว่าแบบนี้ห้องจะเป็นแบบ 4 เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งออกแบบห้องได้ลงตัวเลยครับ สำหรับขนาดห้อง 27 ตร.ม.
การออกแบบเป็นห้องหน้ากว้างทำให้ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่กว้างเลยครับ
มีระยะโซฟาถึงทีวีพอสมควรใครชอบใช้ทีวีจอใหญ่ๆดูได้สบายเลย
ห้องครัวออกแบบให้มีประตูกระจกกั้นได้ เป็นครัวแบบปิด ซึ่งมีข้อดีมากๆสำหรับการช่วยป้องกันกลิ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายทั่วห้องเวลาทำอาหาร คนทำอาหารต้องชอบแบบนี้แน่ๆครับ และครัวยังมีพื้นที่กว้างพอให้วางโต๊ะทานข้าวได้ด้วยครับ
ชุดครัวมาพร้อม ซิ้งค์ล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อยากให้ลองสังเกตดีๆนะครับ ที่นี่ใส่ใจเรื่องการทำอาหารมากๆ เพราะเครื่องดูดควันที่ให้ เป็นแบบระบบดูดควันออกนอกห้องด้วยนะครับ ซึ่งต้องบอกก่อนนะครับว่าปกติคอนโดแบบ 8 ชั้น เค้าไม่ให้แบบนี้นะครับ เค้าจะให้แบบดูดแล้วหมุนเวียนในเครื่องซึ่งดูดกลิ่นอาหารได้ไม่ดีเท่าไร
อีกอย่างที่เค้าให้มากกว่าที่อื่นคือ Backsplash คือผนังกันน้ำมันกระเด็นจากการปรุงอาหาร จะเห็นว่าที่นี่ติดให้ด้วยครับ เป็นเหมือนกระจกสีเทาๆครับ ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายด้วยครับ
บริเวณระเบียงเชื่อมต่อกับส่วนครัว ทำให้ช่วยระบายอากาศได้อีกด้วย
มาดูห้องนอนกันครับ ห้องนอนแบบนี้จะแยกค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจนเพราะเป็นอีกห้องไปเลย ไม่ได้ใช้กระจกสไลด์กั้นห้อง จะทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากๆ เวลาแขกมาจะไม่เห็นในห้องนอนเราครับ
ห้องนอนขนาดกว้างเลยครับ วางเตียง king size ได้สบายๆเลย
ผนังห้องนอนมีช่องให้เราทำเป็นตู้เสื้อผ้าได้เลย แบบนี้จะไม่เสียพื้นที่ภายในห้องนอนด้วยครับ
กระจกได้เป็นแบบบานกระทุ้งเปิดได้ 2 บานเลยนะครับ ทั้งบานเล็กบานใหญ่
ห้องน้ำทำเป็นโซนแยกเปียกแห้ง โดยแถมกระจกกั้นอาบน้ำให้ด้วยครับ ใช้สุขภัณฑ์ของ American Standard แต่ห้องน้ำของห้องแบบนี้จะมีข้อด้อยอยู่อย่างนึงนะครับ คือว่าประตูทางเข้ามันอยู่ในห้องนอน คือ พูดง่ายๆว่า เราต้องเดินเข้าห้องนอนมาก่อน ถึงจะเข้าห้องน้ำได้ ดังนั้นบางคร้ังถ้าแขกต้องการใช้ห้องน้ำ เราอาจไม่มีความเป็นส่วนตัวนิดนึง เพราะเค้าต้องเข้ามาในห้องนอนเราก่อน
ลองมาดูห้องแบบ A กันบ้างครับ จากแปลนจะเห็นว่าห้องจะเป็นแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งจะมีข้อดี ข้อด้อย ยังไงบ้างมาดูกันเลยครับ
เมื่อเข้ามาที่ห้องจะเห็นว่าทางเข้าห้องน้ำอยู่ขวามือของเราเลยครับ อยู่ก่อนถึงห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องน้ำอยู่ตรงนี้จะมีข้อดีคือแขกคนไหนจะเข้าห้องน้ำจะไม่ต้องผ่านเข้าไปในห้องนอนเราครับ
ห้องน้ำมีการจัดบริเวณใช้สอยได้ดีกว่าห้องแบบ B นะครับ เพราะจะดูกว้างและใช้งานง่ายกว่าครับ โดยแถมกระจกกั้นอาบน้ำและใช้สุขภัณฑ์ของ American Standard เหมือนกัน
ห้องนั่งเล่นแบบนี้จะสามารถวางโต๊ะทานข้าวได้เลยครับ ซึ่งจริงๆโต๊ะนี้ก็สามารถใช้เป็นโต๊ะนั่งทำงานได้ด้วย ถ้ามองเรื่องการใช้งานจริงๆ การวางโต๊ะอยู่ในห้องนั่งเล่นแบบนี้จะดีกว่า ที่ต้องเข้าไปวางในห้องครัว แบบห้อง Type B นะครับ เพราะแบบนั้น เวลานั่งทานข้าวจะดูทีวีด้วยไม่ได้ และเวลานั่งทำงานต้องเข้าไปนั่งในครัวอีกด้วย
ส่วนของบริเวณห้องนั่งเล่น จะเห็นว่าค่อนข้างแคบนิดนึงครับ ระยะดูทีวีค่อนข้างใกล้ อาจต้องใช้ทีวีไม่เกิน 32 นิ้วครับ แต่ห้องนั่งเล่นแบบนี้ก็มีข้อดีนะครับ คือ เนื่องจากไม่ได้บริเวณห้องนั่งเล่นไม่ได้อยู่ติดประตูห้อง แบบ Type B ดังนั้น เรื่องเสียงและความเป็นส่วนตัว ห้องนั่งเล่นแบบนี้จะได้เปรียบกว่าครับ คือเราพูดหรือดูทีวีดังๆ เสียงก็ไม่ค่อยออกไปที่ทางเดิน หรือ คนเดินไปมาเราก็ไม่ได้ยินเสียงเค้าด้วย
มาดูห้องนอนกันบ้างครับ ห้องนอนจัดพื้นที่ใช้ได้ประโยชน์เต็มพื้นที่ดีครับ แต่ถ้าจะเอาตู้เสื้อผ้าใหญ่ขนาดเหมือนในภาพ จะทำให้ลงเตียงได้แค่ queen size นะครับ ใครอยากได้เตียงใหญ่ต้องดูขนาดตู้เสื้อผ้าดีๆนะครับ
บานกระทุ้งเปิดได้ 2 บานเลยนะครับ ทั้งบานเล็กบานใหญ่ เหมือนห้องแรกเลย
มาดูส่วนครัวกันบ้างครับ ห้องแบบนี้ ยังเป็นครัวปิดเช่นกันครับ ที่เหลือก็เหมือนกันกับห้อง type B ทุกประการครับ
หลังจากที่ดูมาแล้ว จะเห็นว่าห้องทั้ง 2 แบบ มีทั้งข้อดีและข้อด้อยที่ต่างกันนะครับ ใครชอบแบบไหน ไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็ลองเลือกกันแบบที่ชอบเลยครับ
เอาล่ะครับ หลังจากดูห้องทั้ง 2 แบบไปแล้ว ก็มาดูราคากัน ราคาเค้าแจ้งว่า เริ่มที่ 1.39 ล้านครับ คิดว่าคงเป็นห้องโปรโมชั่นครับ แต่ยังไงห้องปกติส่วนใหญ่คงไม่เกิน 2 ล้านครับ นั่นหมายความว่าคนเงินเดือน 18,000-20,000 บาท ซื้อได้เลย หรือ คนเงินเดือน 10,000 กว่าบาท ก็รีบหาแฟนแล้วกู้ร่วมกันซะ ซื้อได้สบายๆครับ
สำหรับคอนโดใหม่ๆ ย่านรัชดาฯ ราคาเฉลี่ยประมาณ 50,000-70,000 บาทต่อตร.ม. ที่นี่ถือว่าคุ้มค่าสมราคาครับ เพราะถ้าคุณจะไปเอาคอนโดติดถนนใหญ่คุณอาจต้องจ่ายแแพงกว่าถึงเกือบ 2 เท่า ในขนาดห้องเท่าๆกันครับ
ถ้าคุณกำลังหาคอนโดย่านรัชดาฯอยู่ในงบไม่เกิน 2 ล้านบาท Asher รัชดา เป็นอีกนึงทางเลือกที่ควรมาดูก่อนตัดสินใจครับ
คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มิ.ย 2562
ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท
เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
โทร : 088-088-8449
line : @asher_ratchada
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-11
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-04
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-10-28
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-10-21
Reference Ekkamai | ที่สุดของทำเลที่เป็นมากกว่าใจกลางเมือง เพราะนี่คือเอกมัยย่านแห่ง Design District สุดเจ๋ง ติดอันดับ 27 ของโลก ให้คุณสามารถออกแบบชีวิตอย่างมีสไตล์ได้แบบอิสระ
2024-10-17
ได้ความรู้ดีครับ ชอบครับ
อ่านเพลินดี ชอบค่ะ
เยี่ยมมากๆ ครับ น่าสนใจ FC เลยครับ
อ่านสนุก เป็นประโยชน์มากครับ