Favorite
สังคมไทยในปัจจุบันมีไม่น้อย เมื่อทำงานได้สักพัก เริ่มเก็บเงินได้สักก้อน ก็เริ่มจะมองหาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมสักห้องไว้อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง หรือบางคนที่มีบ้านอยู่แล้วกับครอบครัว แต่อยากมีทรัพย์สินเป็นของตัวเองไว้ลงทุนสร้างรายได้ในระยะยาว แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อนั้นเราจะต้องเช็กความพร้อมของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรกว่าพร้อมแค่ไหน ถึงจะไม่สร้างหนี้ให้กับตัวเราเองในระยะยาวไปอีก 20-30 ปีข้างหน้า วันนี้ CMC Group มีวิธีวางแผนการเงิน เพื่อไม่ให้เป็นหนี้สำหรับซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียม มาฝากครับ
1. เช็กความพร้อมทางการเงิน เริ่มจากที่ดูรายได้ต่อเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วคูณด้วย 50 เท่า จะออกมาเป็นราคาบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่เราพอจะมีกำลังซื้อได้ เช่น คนมีรายได้ 15,000 บาท/เดือน จะซื้อบ้านราคาไม่เกิน 700,000-800,000 บาท รายได้ 20,000 บาท/เดือน จะซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมได้ราคาต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น
จากนั้นมาคำนวณกำลังความสามารถในการผ่อนต่อเดือน เพราะอาจจะมีบางคนที่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อยู่ เช่น บัตรเครดิต ค่างวด ผ่อนรถ เป็นต้น ซึ่งค่าผ่อนคอนโดมิเนียม ต่องวด จะต้องอยู่ที่ 1 ใน 3 ของรายได้แต่ละเดือน อาทิ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ผ่อน 30 ปี จะมีภาระผ่อนเดือนละ 6,000-7,000 บาท ราคา 2 ล้านบาท จะอยู่ที่เดือนละ 12,000-14,000 บาท ราคา 3 ล้านบาท อยู่ที่เดือนละ 18,000-21,000 บาท เป็นต้น
2. เงินดาวน์ ที่จะต้องผ่อนชำระกับโครงการก่อนที่จะขอยื่นกู้กับธนาคาร ต้องมีอย่างน้อย 10-15% ของราคาบ้าน เท่ากับว่าตัวเราเองจะต้องมีเงินออมไว้ก้อนหนึ่งด้วย อย่างน้อย 10-15% หรือจะมีมากกว่านี้ก็ได้ ยิ่งมากก็จะยิ่งดี เนื่องจากบางธนาคาร อาจจะปล่อยวงเงินกู้ให้ไม่เต็ม 100% ตามที่เราขอกู้ไป อาจจะให้แค่ 80-90% ของราคาบ้าน
ดังนั้น "เงินออม" ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนที่คิดจะซื้อห้องชุด เพราะจะต้องใช้เงินที่เราเก็บมาทุกเดือนผ่อนดาวน์กับโครงการ ซึ่งหากไม่มีติดตัวเลย เท่ากับว่าเราจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยหนักอึ้งมากในช่วง 1-3 ปีแรก ค่างวดต่อเดือนที่เราผ่อนชำระ จะเป็นค่าดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นประมาณ 70-80% ส่วนเงินต้นจะถูกตัดอยู่ที่ 20-30% เท่านั้น กว่าจะเริ่มเบาตัวตั้งแต่ปีที่ 4 ปีที่ 5 เป็นต้นไป
3. เทคนิกพิเศษสำหรับคนที่อยากจะเร่งปลดหนี้ให้หมดเร็ว ๆ เพราะมีบางคนกว่าจะตกลงปลงใจซื้อบ้านสักหลัง อายุล่วงเข้าไป 30 ปีปลาย ๆ หรือ 40 ปีต้นๆ แล้ว ถ้าผ่อน 30 ปี กว่าจะหมดหนี้อายุก็ปาเข้าไป 60-70 ปี ถ้าไม่อยากแบกรับภาระหนี้ไปจนแก่ในช่วงระหว่างทางนี้ ถ้าตัวเองมีศักยภาพและความสามารถสูง ข้อแนะนำก็คือจะต้องมีเงินสักก้อนไว้โปะค่างวดด้วย เพื่อให้เงินต้นลดลงเร็ว ๆ จะทำให้ภาระดอกเบี้ยแต่ละเดือนหายไปด้วย
4. ระยะเวลาการผ่อน จะเป็นระยะเวลา 10 ปี 15 ปี 20 ปี หรือ 30 ปีดีนั้น หากเป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้เฉลี่ยต่อเดือนยังไม่มากแถมเงินออมมีอยู่น้อยนิด ให้ขอกู้ธนาคาร 30 ปีไว้ดีที่สุด เพราะการขอกู้ระยะยาว เมื่อคำนวณเป็นค่างวดต่อเดือนที่เราจะชำระแล้ว ทำให้มีภาระหนี้ต่อเดือนสามารถนำเงินก้อนไปชำระได้ เพื่อลดต้นลดดอก แต่ส่วนใหญ่หลายธนาคารจะไม่ให้ปิดหนี้ทั้งหมดภายใน 3 ปีแรก
ฉะนั้นในช่วงแรกนี้โปะเงินต้นได้จะยิ่งดี เพราะดอกเบี้ยจะสูงมาก ยกตัวอย่างเช่นกู้ซื้อคอนโดฯ 1 ล้านบาท มีภาระค่างวดเดือนละประมาณ 6,500 บาท ให้จ่ายค่างวดเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 8 พันบาทไปตลอด ก็จะสามารถผ่อนคอนโดฯ หมดได้ภายใน 20 ปี ส่วนใครไม่โปะเงินงวดเลยจนครบ 30 ปี เบ็ดเสร็จจะต้องจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 60-70% หรืออีก 6-7 แสนบาท
ทราบอย่างนี้แล้วจะช้าอยู่ใย รีบจับจองคอนโดมิเนียมดีๆ สังห้องสองห้องกันเถอะครับ
ขอบคุณข้อมูลจากคุณ cmcpro2017
http://www.cmc.co.th/CMC2017/news.php?id=898
ศุภาลัยรุกจ.อุดรธานี เปิดตัว “ศุภาลัย แกรนด์วิลล์ วงแหวน-แอร์พอร์ต” บ้านหรูซีรีส์ใหม่สไตล์ฝรั่งเศส พร้อมนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม เริ่ม 4.99 ลบ.
2024-11-15
RML คว้ายอดขาย-รายได้ 800 ลบ.* ใน 9M/67 Q4 ลุยโอน “Tait Sathorn 12” พร้อมดันอัตราเช่า “OCC” แตะ 80%
2024-11-15
SC กวาดยอดจองงาน SC Asset's Heaven ทะลุ 1,200 ลบ.* พร้อมจัดโปรลดสูงสุด 10 ลบ.* กับ 80 โครงการบ้าน ทาวน์โฮม และคอนโด ถึง 17 พ.ย. 67
2024-11-15
ศาลากรุ๊ปขยายพอร์ตปั้น “SURFHOUSE” บูทิคคอนโดหรูโครงการแรกย่านบางเทา-เชิงทะเล เริ่ม 8 ลบ. ตอบโจทย์ทั้งเรียลดีมานด์และนักลงทุน
2024-11-15
เมเจอร์ฯ ร่วมกับ กทม. จัดงาน “MAJOR DOG DAY 2024” ชวนคุณและน้องหมามาร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมาย วันที่ 21 ธ.ค.นี้ ณ อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ
2024-11-15
อ่านสนุกจังค่ะ
บทความดีๆ ก็ที่นี่หล่ะนะ
กำลังตัดสินใจอยู่พอดีเลย ขอบคุณมาจ้าาาาาาาา
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เขียนดี รอติดตาม
อ่านเพลิน เขียนดี
เนื้อหาดีค่ะ