พิชิต เร่งปฏิรูป ขสมก. ยกเครื่อง คน-รถเมล์ ปลดแอกภาระหนี้แสนล้าน

ด้วยภาระหนี้มหาศาลกว่า 1 แสนล้านบาท ทำให้ "ขสมก.-องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ" ถึงเวลาต้องเข้าแผนฟื้นฟูองค์กร เพื่อปลดแอกหนี้บนบ่าที่แบกรับมานานนับ 10 ปี
 

งานนี้ต้องรอพิสูจน์ฝีมือ "พิชิต อัคราทิตย์"รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ที่สันทัดตลาดเงิน-ตลาดทุนว่า จะสามารถนำพาองค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนสนธยา พ้นบ่วงหนี้ได้สำเร็จหรือไม่
 

ขาดทุนปีละ 4-5 พันล้าน
 

ล่าสุดเมื่อต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา "พิชิต" เดินสายมอบนโยบายให้ ขสมก. โดยระบุเร่งให้ ขสมก.สรุปรายละเอียดที่มาของหนี้สินกว่า 1 แสนล้านบาท ให้ชัดเจนภายใน 1 เดือนนี้ เนื่องจากรายได้ไม่สมดุลกับค่าใช้จ่าย ทำให้ขาดทุนเฉลี่ย 4,000-5,000 ล้านบาท/ปี
 

"การบริหารต้นทุนของ ขสมก. เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรีบแก้ไข วันนี้ ขสมก.มีปัญหาขาดแคลนบุคลากร ราคาค่าโดยสารถูก ทำให้เกิดหนี้สะสมกว่าแสนล้าน ต้องแบ่งแยกให้ชัดว่าเป็นหนี้จากการบริหารงานของ ขสมก. และจากนโยบายรัฐบาลเท่าไหร่ ใครรับผิดชอบ ส่วนการปรับราคาค่าโดยสารขึ้นคงเป็นทางเลือกสุดท้าย ต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะเป็นเงินภาษีประชาชน ยอมรับว่าการกำหนดค่าโดยสารปัจจุบันต่ำกว่าต้นทุนจริง เป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งทำให้ ขสมก.ขาดทุนทุกปี ก็ต้องแจกแจงให้ชัดเพราะ ขสมก.ได้รับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จากรัฐส่วนหนึ่งด้วย" นายพิชิตกล่าว
 

รื้อสูตรโครงสร้างองค์กร
 

สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว เริ่มจาก "ปรับโครงสร้างองค์กร" แยกการบริหารออกจากการเดินรถ และให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นผู้กำกับดูแลการเดินรถ การต่อสัญญากับผู้ประกอบการ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 27 ก.ย. 2559 เห็นชอบให้ยกเลิกมติ ครม.วันที่ 11 ม.ค. 2526 ที่กำหนดแนวทางปฏิบัติให้ ขสมก.เป็นผู้ประกอบการเดินรถ จะเป็นเพียงผู้เดินรถ ต้องแข่งกับรถร่วมเอกชน ต้องทำงานเหมือนเอกชน เพิ่มศักยภาพการตลาด หาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านบริการเพื่อเพิ่มรายได้
 

นอกจากนี้ ในปี 2560 ขสมก.มีแผนจัดซื้อรถเมล์ใหม่มาเสริมบริการ ได้แก่ รถโดยสาร NGV จำนวน 489 คัน อยู่ระหว่างรอรับมอบรถจากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด เนื่องจากติดปัญหาภาษีนำเข้ากับกรมศุลกากร ตามแผนคาดว่าภายในเดือน ก.พ.สามารถรับรถ 99 คัน อีกทั้งจัดหารถโดยสารไฟฟ้าอีก 200 คัน พร้อมสถานีอัดประจุไฟฟ้า ขณะนี้รอการพิจารณาของ ครม. หากโครงการได้รับอนุมัติ คาดว่าประมูลและเซ็นสัญญาภายในเดือน เม.ย. รับรถลอตแรก 50 คันในเดือน ก.ย.นี้

ยกเครื่องรถเมล์
 

ขณะเดียวกันจะปรับปรุงสภาพรถโดยสารธรรมดา 500 คัน วงเงินกว่า 444 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จใน 5 ปีนี้ ผลคืบหน้าเรื่องนี้ได้ตัวผู้รับจ้างแล้ว เตรียมเซ็นสัญญาในเดือน ก.พ. และรับมอบรถ 180 คัน ภายในเดือน ก.ย.นี้
 

"เดิมมติ ครม.ปี′45 อนุมัติให้ ขสมก. จัดซื้อรถเมล์ NGV 3,183 คัน วงเงินกว่า 13,000 ล้านบาท ทาง ขสมก.แบ่งออกเป็น 3 โครงการ คือ 1.ซ่อมรถโดยสารที่มีอยู่เดิม 2.จัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน 3.ซื้อรถเมล์ไฟฟ้า 200 คัน แผนใหม่อยู่ระหว่างเสนอ ครม. อาจมีการทบทวนแผนจัดซื้อรถ เช่น รถเมล์ไฟฟ้า เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีข้อสังเกตความเหมาะสมของประเทศไทยในการใช้รถเมล์ไฟฟ้าจะใช้ได้หรือไม่" นายพิชิตกล่าว
 

ลงทุนตั๋วอิเล็กทรอนิกส์
 

สำหรับการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์(e-Ticket)นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ขสมก.นำมาใช้รองรับกับการบริการรูปแบบใหม่และระบบตั๋วร่วมจะเริ่มใช้กลางปีนี้ รวมถึงรีดไขมันด้านบุคลากร ปัจจุบันอยู่ระหว่างประกาศประกวดราคา คาดว่าจะลงนามสัญญาในเดือน มี.ค.นี้ ตามแผนติดตั้งบนรถโดยสาร 800 คัน ภายในเดือน ก.ย.นี้ และติดตั้งครบ 2,600 คัน ภายในเดือน มิ.ย. 2561
 

"หลังนำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ จะเริ่มเปิดเกษียณอายุเพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านคน เป็นไปตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยกำหนดสัดส่วนอัตราพนักงานต่อจำนวนรถโดยสาร 1 คัน เท่ากับ 2.4 คน ประกอบด้วย พนักงานขับรถ 2 คน พนักงานสนับสนุน 0.4 คน และจ้างเอกชนมา Outsource ในส่วนของพนักงานขับรถ เขตการเดินรถที่ 1, 2, 3 และ 8"
 

อีกทั้งมีการเพิ่มบทบาท ขสมก. หารายได้จากการบริหารทรัพย์สินเชิงธุรกิจ ซึ่ง ขสมก.มอบให้เอกชนเช่าพื้นที่อู่จอดรถพัฒนาเชิงพาณิชย์ 2 แห่ง ได้แก่ อู่มีนบุรี และอู่บางเขน ผลการศึกษามีกำหนดแล้วเสร็จเดือน ก.ค.นี้ โดยจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556
 

เรียกว่างัดสารพัดวิธี ส่วนเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหนต้องรอติดตาม เพราะถ้าทำได้ง่าย รัฐบาลที่ผ่านมาคงไม่ปล่อยปละละเลยจนมาถึงปัจจุบัน
 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1487160808