มิ.ย.ปิดถนนสร้าง"สายสีส้ม" ตจว.นำร่อง"โมโนเรลภูเก็ต"

"สมคิด" ติดสปีดคมนาคม ส่งชง ครม.ลงทุนรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเฟส 2 อีก 5 สายล้างท่อให้หมดปีนี้ เล็งขยายพื้นที่ต่างจังหวัด นำร่องภูเก็ต-เชียงใหม่ แก้รถติด ดีเดย์ มิ.ย.ตอกเข็มสายสีส้ม "ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี" เปิดหวูดปี′66

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า หลังเซ็นสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทาง 22.57 กม. ทั้ง 6 สัญญา วงเงิน 79,221 ล้านบาท ยังได้เร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เสนอรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในแผนลงทุนให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ 
 

"รถไฟฟ้าสายสีส้มอีก 6 ปีก็จะเปิดบริการ กว่าจะได้สร้างก็ใช้เวลา 10 ปี แต่วันนี้โครงการก็ถือว่าสำเร็จด้วยดี เพราะว่าเกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนช่วยกันผลักดันให้โครงการเกิดขึ้น ซึ่งปีนี้รถไฟฟ้าทุกเส้นทางที่เหลือ จากแผนแม่บทรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เช่น สีเขียวคูคต-ลำลูกกา สมุทรปราการ-บางปู สีม่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ และสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ ต้องผ่าน ครม.ให้หมดอย่างเร็วที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและนักลงทุนต่างประเทศ เดินไปข้างหน้าเป็นไปตามระบบอยู่แล้ว"
 

อีกทั้งยังมอบหมายสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) คัดเลือกจังหวัดที่เหมาะสมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า เพื่อให้มีความสมดุลด้านการลงทุนรถไฟฟ้าระหว่างกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เนื่องจากปัจจุบันต่างจังหวัดมีการขยายตัวของเมืองเกิดขึ้นมาก ทำให้เกิดปัญหารถติด ซึ่งตามแผนอยากให้มีการลงทุนอย่างน้อย 2 จังหวัดในปีนี้ และนำโครงการเสนอให้ ครม.พิจารณา เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ โดยรูปแบบการลงทุน หากจังหวัดมีกำลังก็อาจจะเป็นรูปแบบ PPP หากไม่มีกำลังรัฐบาลก็เป็นคนลงทุนเอง
 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า โครงการรถไฟฟ้าที่เหลืออยู่ 5 เส้นทาง เงินลงทุนรวม 234,529 ล้านบาท ได้แก่ สายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์ ระยะทาง 12.9 กม. วงเงิน 90,271 ล้านบาท สีม่วงช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 101,112 ล้านบาท สีน้ำเงินบางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ระยะทาง 8 กม. วงเงิน 21,197 ล้านบาท สีเขียวช่วงคูคต-ลำลูกกา ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 9,803 ล้านบาท และสีเขียวช่วงสมุทรปราการ-บางปู ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 12,146 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถขอ ครม.ภายในครึ่งปี 2560 ได้ทั้งหมด และใช้เวลาก่อสร้างแต่ละสายประมาณ 5-6 ปี จากนั้นจะทำให้รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ มีโครงข่ายครบ 10 สายทาง ตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้
 

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า รถไฟฟ้าสายสีส้มหลังเซ็นสัญญาแล้ว ประมาณภายในเดือน มิ.ย.นี้จะเริ่มการย้ายระบบสาธารณูปโภคก่อน และหารือกับตำรวจจราจรในการวางแผนการทำงานไม่ให้เกิดปัญหารถติด ตามแผนจะสร้างเสร็จเดือน ม.ค. 2566
 

สำหรับงานก่อสร้างทั้ง 6 สัญญา ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 กิจการร่วมค้า CKST (บมจ.ช.การช่างและ บมจ.ซิโน-ไทยฯ) เป็นผู้ก่อสร้างโยธา โครงการใต้ดิน ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-รามคำแหง 12 วงเงิน 20,633 ล้านบาท
 

สัญญาที่ 2 กิจการร่วมค้า CKST ก่อสร้างโครงการใต้ดิน ช่วงรามคำแหง 12-หัวหมาก วงเงิน 21,057 ล้านบาท

สัญญาที่ 3 บมจ.อิตาเลียนไทยฯ เป็นผู้ก่อสร้างโครงการใต้ดิน ช่วงหัวหมาก-คลองบ้านม้า วงเงิน 18,570 ล้านบาท

สัญญาที่ 4 บมจ.ยูนิคฯ เป็นผู้ก่อสร้างโครงการยกระดับ ช่วงคลองบ้านม้า-มีนบุรี วงเงิน 9,990 ล้านบาท

สัญญาที่ 5 กิจการร่วมค้า CKST เป็นผู้ก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดแล้วจร วงเงิน 4,831 ล้านบาท

และสัญญาที่ 6 บมจ.ยูนิคฯ เป็นผู้ก่อสร้างระบบราง วงเงิน 3,690 ล้านบาท
 

ส่วนรถไฟฟ้าในต่างจังหวัด ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้บรรจุรถไฟฟ้ารางเบาใน จ.ภูเก็ต ไว้ในแผนปฏิบัติการกระทรวงปี 2560 คาดว่า สนข.จะส่งผลการศึกษาโครงการมาให้ รฟม.ในเดือน มี.ค.นี้ และเสนอ ครม.ในเดือน พ.ค. 2560 โดยโครงการนี้ใช้เงินลงทุน 23,499 ล้านบาท

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1487574629