![Favorite](https://www.livinginsider.com/assets18/images/icon/mobile-more/fav2.png)
Favorite
นายชญานิน ปัตตพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.ซี.คอนกรีตอัดแรง จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างแบรนด์ ซี.พี.ซี. เปิดเผยว่า บริษัทดำเนินธุรกิจค้าวัสดุรายใหญ่ในจังหวัดพิษณุโลกมานานกว่า 39 ปี ครองมาร์เก็ตแชร์ของตลาดค้าวัสดุทั้งหมดในจังหวัดพิษณุโลก กว่า 50% หรือสร้างรายได้เข้าบริษัทปีละ 200 ล้านบาท โดยสินค้าหลักของบริษัทคือ เสาเข็ม คอนกรีต คอนกรีตผสมเสร็จ ท่อระบายน้ำ สำหรับทิศทางตลาดในปีนี้จะชะลอตัวลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจจังหวัดพิษณุโลก ที่ภาคเอกชนชะลอการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ และเกษตรกรกำลังลดลงเป็นผลสืบเนื่องมาจากพืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ
ทั้งนี้เริ่มเห็นสัญญาณของธุรกิจไม่ขยายตัวตั้งแต่ปี2558 เป็นต้นมา ส่งผลยาวมาถึงปี 2559 ยอดขายบริษัทลดลงราว 15-20% และปี 2560 คาดว่าจะลดลงไม่ต่ำกว่า 15% เพราะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ปรับตัวดีขึ้น แต่บริษัทจะปรับเปลี่ยนแผนการตลาดใหม่จากเดิมที่มีสัดส่วนลูกค้า 50% เอกชนอีก 50% ลูกค้าภาครัฐ ปีนี้จะหันมาเจาะลูกค้าภาครัฐเป็น 70% ลดสัดส่วนเอกชนเหลือ 30% โดยเฉพาะโครงการซ่อมแซมถนน คลองประปา ส่วนโครงการขนาดใหญ่ขณะนี้กำลังรอท่าทีจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการสร้างสะพานข้ามแยกอินโดจีน งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท ที่กำลังจะเร่งก่อสร้างในเร็วๆ นี้ ขณะนี้ผู้รับเหมากำลังสำรวจราคาวัสดุก่อสร้าง หากว่าบริษัทได้ถูกรับเลือกป้อนวัสดุให้กับโครงการดังกล่าวจะส่งผลดีอย่างมากต่อธุรกิจในปีนี้
สำหรับสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจวัสดุก่อสร้างจังหวัดพิษณุโลก มีการแข่งขันที่รุนแรง จากทุนท้องถิ่นและบิ๊กแบรนด์จากส่วนกลาง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบเพราะจำหน่ายสินค้าคนละเซ็กเมนต์กับคู่แข่ง โดยบริษัทจะเน้นจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่เป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ และเป็นเจ้าตลาดจึงไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งต้นทุนการผลิตก็ไม่สูงมาก เพราะผลิตเองทุกกระบวนการ นอกจากนี้ยังมีสาขาย่อย 6 สาขา ในต่างอำเภอ และในจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง เช่น สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ เป็นต้น ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าขนส่งได้
"ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งนักธุรกิจไม่เชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ขยายตัวไม่มีใครกล้าที่จะลงทุน เห็นได้ชัดเจนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพิษณุโลกชะลอตัวมากคอนโดมิเนียม 3 โครงการขายไม่ออก เหลือขายกว่า 500 ยูนิต นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านเดี่ยวของกลุ่มแสนสิริตัดสินใจไม่ขึ้นเฟสใหม่เพราะรอดูท่าทีเศรษฐกิจ และกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัว นโยบายบริษัทนอกจากจะปรับแผนการตลาดใหม่ แล้วยังต้องประหยัดลดต้นทุนการผลิตสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป" นายชญานินกล่าว
นายชญานินกล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนใหม่จะทุ่มงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท สร้างโรงงานเพื่อดำเนินธุรกิจค้าเหล็กเพื่องานก่อสร้าง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เนื่องจากจะยึดฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ คาดว่าธุรกิจค้าเหล็กกับค้าวัสดุก่อสร้างจะสามารถไปด้วยกันได้จะเป็นธุรกิจใหม่ที่ช่วยเสริมธุรกิจเดิม และมั่นใจว่าภายใน 2 ปี ต่อจากนี้ไปธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1491450965
ศุภาลัย เตรียมเปิดคอนโด 8 โครงการ มากสุดในรอบ 10 ปี หลัง Sold Out 100% จาก 5 โครงการพร้อมอยู่ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ลบ.
2 hours
ออริจิ้น เวอร์ติเคิล เปิดจอง “SO ORIGIN SUKHUMVIT 105” รอบ VVIP 2 วัน ต่างชาติแห่จองเต็มโควตา โกยยอดขาย 1,500 ลบ.
2 hours
เอทีที แอสเสท เปิดตัว “อาเว่ บางนา-สุขุมวิท” บ้านลักชูรี Multi-Lifestyle ชูจุดขาย Customization พร้อม 2 ห้องนอนใหญ่ เพียง 20 ยูนิต เริ่ม 19 ลบ.*
4 hours
3 ยักษ์อุตสาหกรรม “เฟรเซอร์ส-โรจนะ-เอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตท” เปิดตัว “อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์” ระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรครั้งแรกในไทย
6 hours
A5 เปิดตัว “CINQ ROYAL The Eighteen Bangna KM.7” บ้านเดี่ยวสุดหรู เอกสิทธิ์เฉพาะ 18 ครอบครัว วิวสนามกอล์ฟ พร้อม Presale ครั้งแรก! 22-23 กุมภาพันธ์นี้ ราคาเริ่ม 75 ล้านบาท*
10 hours
ดีที่ได้อ่านรีวิวก่อนซื้อคอนโด ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ชอบค่ะ
ดีมากเลยค่ะ น่าติดตามข้อมูล
เป็นประโยชน์มากครับ กำลังตัดสิ้นใจพอดีครับ
ดีเลยครับได้ความรู้
เยี่ยมมากๆ ครับ น่าสนใจ FC เลยครับ