เปิดพอร์ตอสังหาฯ เจ้าสัวเจริญ One Bangkok หนึ่งเดียวเชื่อมโลก

กลุ่มทีซีซีถือฤกษ์วันคล้ายวันเกิด เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี 3 เมษายน 2560 เปิดตัวโปรเจ็กต์ยักษ์แบรนด์ "วัน แบงค็อก" (One Bangkok) บนที่ดินเช่า 104 ไร่ ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ย่านสวนลุมพินี

แน่นอนว่ากลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย เพราะการลงทุนของเอกชนเพียงโครงการเดียวขยับตัวเลขสูงถึง 1.25 แสนล้านบาท
 

วิสัยทัศน์เจ้าสัว เอเชียเป็นหนึ่งเดียว
 

"เจ้าสัวเจริญ" กล่าวบนเวทีงานเปิดตัวโครงการแบบนอกสคริปต์ "กลุ่มทีซีซี ผมและคุณหญิง (วรรณา สิริวัฒนภักดี) มีความรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้ความไว้วางใจในการพลิกโฉมพื้นที่อันล้ำค่าสำคัญในใจกลางกรุงเทพฯ"
 

คีย์ซักเซสของโครงการนี้มาจาก "สิ่งที่ทีซีซีได้มีการลงทุนด้านพร็อพเพอร์ตี้ต่าง ๆ ในต่างประเทศและในประเทศ ได้รวมตัวกันมาช่วยโครงการนี้ โดยเฉพาะมีผู้บริหารอาวุโสหลายท่านซึ่งได้ดำเนินการธุรกิจอยู่ทั่วโลกกว่า 26 ประเทศมารวมตัวช่วยกัน เพราะผมตั้งใจจะทำยังไงให้เป็นแลนด์มาร์กให้กับประเทศไทย"
 

วิสัยทัศน์ที่วางไว้ให้ก็คือ "...ในเวลานี้อาเซียนก็เกิดขึ้น สิ่งที่ทำได้ในกลุ่มก็ลงทุนไปแล้ว เวลาเดียวกันจะทำยังไงให้พื้นที่แปลงนี้มีค่าต่ออาเซียน และต่อเอเชีย กับโลก ซึ่งชาวโลกก็จะเข้ามาประเทศเราเยอะ"
 

จุดเด่นของประเทศไทยในระดับเอเชียอยู่ที่ภูมิศาสตร์ ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางเชื่อมโยงประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยเปรียบกับร่างกายคน ประเทศไทยเปรียบเหมือนเป็น "บอดี้" หรือเป็นส่วนร่างกายหลัก
 

"ประเทศไทยมีชัยภูมิที่มีค่าที่สุดเกี่ยวกับในด้านจะทะลุไปแขนขวาก็ได้ แขนซ้ายก็ได้ บนศีรษะก็ได้ ข้างล่างก็ได้ ทั้งหมดนี้เป็นตัวเชื่อมระหว่างประเทศไทย ถ้าสามารถรวมตัวกันทำชิ้นนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เราจะมีความหมายที่สุดสำหรับให้กับคนยุคต่อ ๆ ไป"
 

พื้นที่รวม 1.83 ล้านตารางเมตร
 

โครงการวัน แบงค็อก เกิดจากการร่วมทุนที่เรียกว่า พันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partners) เพราะเป็นบริษัทใต้ร่มเงาเดียวกัน ได้แก่ บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้นสัดส่วน 80.1% กับบริษัท เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด ถือหุ้น 19.9%
 

โดยมี "ปณต สิริวัฒนภักดี" รั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด
 

"กลุ่มทีซีซีลงทุนอสังหาฯต่อเนื่อง แต่วัน แบงค็อก ใหญ่ที่สุด มาสเตอร์พีซที่สุดเท่าที่เคยมีมา (หัวเราะ)" คำกล่าวของปณต
 

รายละเอียดโครงการ ก่อสร้างบนที่ดินเช่า ทำเลหัวมุมถนนวิทยุ ตัดถนนพระราม 4 ติดสวนลุมพินี (แปลงโรงเรียนเตรียมทหารเดิม) มีรถไฟฟ้า MRT จ่ออยู่หน้าแปลงที่ดิน และอยู่ใกล้ทางด่วน
 

พื้นที่อาคารรวม 1.83 ล้านตารางเมตร ภายใต้คอนเซ็ปต์โครงการลักเซอรี่มิกซ์ยูส ประกอบด้วย โรงแรม 5 โรงแรม, ที่พักอาศัย 3 อาคาร, ออฟฟิศบิลดิ้งเกรดเอ มาตรฐาน LEED+WELL 5 อาคาร
 

ยังมีร้านค้าปลีก, พื้นที่ทำกิจกรรมและศิลปวัฒนธรรม 10,000 ตารางเมตร, ทางเดินกว้างเกิน 40 เมตร เลาะรอบโครงการฝั่งถนนวิทยุ-พระราม 4 ไฮไลต์คือมีตึกสูง 90 ชั้น ความสูง 380 เมตร อยู่ในโครงการ 
 

ฟังก์ชั่นภูมิใจนำเสนอ คือ พื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดในโครงการ ออกแบบให้จุใจ 50 ไร่ จากพื้นที่ทั้งโครงการ 104 ไร่ พัฒนาภายใต้แนวคิดเมืองแห่งความครบครัน เพื่อการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทย มีจุดเน้นเรื่องคนเป็นศูนย์กลาง (People Centric) ควบคู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Green-sustainability)
 

ทุนจดทะเบียน 38,500 ล้าน
 

"ปณต" ระบุว่า ที่ดินเช่าแปลงนี้ขยายจาก 88 ไร่ เป็น 104 ไร่ สัญญาเช่า 30+30 ปี มีเกรซพีเรียด (ระยะผ่อนผัน) 9 ปีสำหรับช่วงก่อสร้างและพัฒนาโครงการ ปัจจุบันใช้เวลาไปแล้ว 2 ปีในการออกแบบ เหลือเวลาอีก 7 ปีในการพัฒนาโครงการ 
 

โดยวางแผนเปิดบริการทีละเฟส แบ่งเฟสแรก ออฟฟิศบิลดิ้งหรือสำนักงานให้เช่ากับพื้นที่รีเทลภายในปี 2564 จากนั้นส่วนของโรงแรมกับที่พักอาศัยหรือคอนโดมิเนียมเปิดภายในปี 2568
 

"การศึกษาผลตอบแทนยังเป็นความลับธุรกิจ ซึ่งลงทุนอสังหาฯวันนี้ มาตรฐาน (จุดคุ้มทุน) อยู่ในกรอบไม่เกินสูงสุด 15 ปี เราจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อบริษัทเกษมทรัพย์ วัฒนะ มองทุนจดทะเบียนจะต้องไม่เกิน 38,500 ล้านบาท การเรียกชำระทุนรอความต้องการลงทุนตามความก้าวหน้าโครงการ"
 

สำหรับเฟสแรกถึงแม้วันนี้ยังไม่ได้ทำ "พรีบุ๊กกิ้ง" ทั้งในส่วนรีเทล ออฟฟิศบิลดิ้ง แต่มีความมั่นใจสูงที่โครงการจะประสบความสำเร็จจากวิสัยทัศน์การพัฒนาเป็นโครงการต้นแบบ เป็นชื่อเสียงของกรุงเทพมหานคร และของประเทศไทยด้วย
 

"เราได้พูดคุยกับผู้สนใจมากมายพอสมควร ทั้งเป็นลูกค้า ทั้งเป็นธุรกิจ ต้องเรียนว่าเป็นโอกาสที่เราเชื่อว่านักลงทุนยังมองหาโอกาสที่มีศักยภาพ และเราก็เป็นโครงการหนึ่งที่ได้ชี้ให้เห็นความสนใจที่ได้เกิดขึ้น วันนี้เราจึงได้ลอนช์โครงการนี้"
 

แลนด์มาร์กใหม่ศตวรรษที่ 21
 

"ปณต" กล่าวว่า เฟรเซอร์สฯมีการลงทุนหลากหลายไม่ต่ำกว่า 15 ปีแล้ว มีฐานในสิงคโปร์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น จีน และมี Secondary Market ในประเทศเวียดนาม มาเลเซีย มะนิลา (ฟิลิปปินส์) รวมทั้งมี Significant Investment อยู่ในเมืองไทย
 

มีการลงทุนแล้วใน 80 เมือง รวม 26 ประเทศ มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวมกันมากกว่า 615,000 ล้านบาท คว้ารางวัลระดับโลกมากมาย มีความชำนาญในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส มีตัวอย่างความสำเร็จจากโครงการเซ็นทรัล พาร์ค เมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย มูลค่าโครงการ 50,000 ล้านบาท
 

สำหรับ One Bangkok มี "ซู หลิน ซูน" นักพัฒนาโครงการมืออาชีพเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการ และมีการระดมมืออาชีพระดับโลกกว่า 100 คน จาก 10 ประเทศ ยังไม่นับรวมบุคลากรชั้นแนวหน้าของประเทศไทยอีกต่างหาก 

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1491454456