Favorite
วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน หนึ่งในสุดยอด ที่พักตากอากาศ ผสานธรรมชาติของชายหาดและเนินเขา ให้คุณได้ใช้ชีวิตเบาๆในบรรยากาศสุดโรแมนติก
ห้องประกาศ ขาย เช่า Veranda Residence HuaHin ดูที่นี่..
ถ้าให้จัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดกาล... รับรองว่าต้องมีชื่อ “หัวหิน” ติดอันดับด้วยอย่างแน่นอน เหตุผลสำคัญเลยก็คงจะเป็นเพราะว่าอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนอย่างต่อเนื่อง แต่น้ำทะเลก็ยังคงใสสะอาด ทรายละเอียด สวยงามและโรแมนติกเหมือนถอดออกมาจากนวนิยายยังไงยังงั้นเลย... ที่สำคัญ มนต์เสน่ห์ดั้งเดิมของหัวหินยังคงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
และถ้าพูดถึงหัวหิน หลายๆ คนก็คงนึกถึงบรรยากาศบ้านพักตากอากาศริมทะเลที่มีความเป็นส่วนตัวและอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม... แต่ในความเป็นจริงนี่คือโจทย์ที่หายากเข้าไปทุกที ที่มีอยู่ก็อาจจะออกนอกเมืองไปไกลหน่อย หรืออยู่ใกล้เมืองแต่กลับไม่เป็นส่วนตัว พลุกพล่าน และไม่ใช่วิวชายหาดอย่างที่ฝัน
วันนี้ Livinginsider มีภาพใหม่ๆ มุมใหม่ๆ ของหัวหินมาแนะนำ นั่นก็คือโครงการ Veranda Residence HuaHin ที่สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การเป็นบ้านพักหลังที่สองสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัยพักผ่อนเอง รวมทั้งนักลงทุนที่มองเห็นศักยภาพอันเต็มเปี่ยมของหัวหิน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับหัวหินกันก่อนว่า ปัจจุบันเป็นอย่างไรและอนาคตมันจะทวีค่าได้อย่างไร???
อ.หัวหิน เป็นส่วนหนึ่งของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในปี 2558 เป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงติด 1 ใน 10 ของประเทศ (ไม่นับรวมกรุงเทพมหานคร) ซึ่งสาเหตุสำคัญก็ตามที่บอกไปตอนต้นว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมยังคงความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศแบบดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกันก็มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ รองรับการพักผ่อนของคนได้ทุกกลุ่มวัยทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยกลางคน ไปจนถึงคนสูงอายุที่ต้องการพักผ่อนอย่างเงียบสงบ อาทิ ตลาดขายสินค้าแนวใหม่ ร้านอาหาร แหล่งแฮงก์เอ้าท์ แหล่งพักผ่อนเพื่อสุขภาพอย่างสปา สนามกอล์ฟ พ่วงด้วยการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แถมยังเป็นรอยต่อจากภาคกลางไปสู่ภาคใต้อีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักในหัวหินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยร้อยละ 8.76 ต่อปี โดยในปี 2559 มีจำนวนการเข้าพักสูงที่สุดในรอบ 8 ปี ถึงร้อยละ 70.6
อ.หัวหิน อยู่ห่างจากกรุงเทพประมาณ 185 กม. สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถไฟและทางรถยนต์โดยใช้ถนนพระราม 2 (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35) หรือถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) นอกจากนี้ยังมีสนามบินที่กองทัพอากาศได้สร้างไว้ใช้เพื่อการทหาร ซึ่งต่อมาได้มีสายการบินเชิงพาณิชย์บินตรงจากเชียงใหม่มาลงที่หัวหินอาทิตย์ละ 3 เที่ยวบิน
นอกจากนี้ สำหรับนักท่องเที่ยวจากพัทยาที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศข้ามอ่าวไทยไปทะเลหัวหินก็ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถถึง 6 ชั่วโมงอีกต่อไป เพราะล่าสุดตั้งแต่ปี 2560 ได้มีบริการเรือเฟอร์รี่ที่เชื่อมพัทยากับหัวหินเข้าด้วยกัน เดินทางเพียง 2 ชั่วโมง
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ East-West Ferry เมกะโปรเจคส์ของกรมเจ้าท่าเชื่อมอ่าวไทยฝั่งตะวันออก-ตะวันตกเข้าด้วยกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการนำเสนอโครงการในระยะที่ 2 ซึ่งจะเป็นเรือโดยสารและขนส่งรถยนต์ได้ด้วย รวมทั้งยังมีแผนการก่อสร้างท่าเรือ พัทยา-หัวหิน-บางปู แต่ตอนนี้ข่าวเหมือนจะเงียบๆ ไป ยังไงก็คงต้องรอติดตามกันต่อ
ศักยภาพจัดเต็มขนาดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่คะแนนของหัวหินไม่เคยตก... แต่ทว่าอีกหนึ่งสิ่งที่เริ่มหดหายไปก็คือ ที่พักใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ บนทำเลติดหาดที่เริ่มหายากเข้าไปทุกที เพราะถ้าลองไล่เรียงดูตั้งแต่หาดหัวหินแถวตลาดโต้รุ่งหรือหอนาฬิกาก็แทบจะไม่มีพื้นที่แปลงใหญ่ริมชายหาดเหลือพอให้สร้างที่พักและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้แล้ว
ย่านโต้รุ่งและหอนาฬิกาจึงเหมือนถูก Freeze ความเจริญเอาไว้เต็มทุกพื้นที่ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้ความเจริญเริ่มทะลักออกมารอบนอก เห็นได้จากแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่ขยับออกมาอีกนิดแต่ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน
เริ่มตั้งแต่ห้างเปิดใหม่อย่าง Bluport HuaHin Resort Mall ที่อยู่ห่างจากตลาดโต้รุ่งออกมา 3.5 กม. Cicada Market และสวนน้ำ Vana Nava ที่อยู่ห่างออกมาประมาณ 4.5 กม. และถ้าขยับมาอีกนิดก็จะพบกับ Veranda Residence HuaHin ที่พักตากอากาศโครงการใหม่จาก Veranda Resort and Spa
ที่เคยพัฒนา Veranda Residence Pattaya ริมหาดนาจอมเทียน และอีกหลายโครงการภายใต้ชื่อแบรนด์ Veranda สำเร็จมาแล้วมากมาย ที่สำคัญถ้าใครเคยไปเยือนที่พักในแบรนด์ Veranda จะรู้ว่างานบริการของที่นี่ดีและเฉียบขนาดไหน
Veranda Residence HuaHin ที่พักตากอากาศสไตล์รีสอร์ทเกรดพรีเมี่ยม จัดเป็น First Hotel Serviced Beachfront Design Residence หรือเป็นที่พักอาศัยริมชายหาดแห่งแรกที่มาพร้อมกับการบริการแบบโรงแรม โดยตั้งอยู่บน ถ.ตะเกียบ ต.หนองแก อ.หัวหิน สำหรับใครที่เคยเดินทางมาหัวหินอยู่แล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะโครงการตั้งอยู่ติดกับเขาตะเกียบหรือแถวๆ ร้านอาหารริมทะเลชื่อดัง “สุภัทรา” นั่นเอง เลยจากร้านสุภัทรามาก็จะเจอป้ายทางเข้าโครงการเด่นชัดเลย
“หากคุณคิดจะซื้อคอนโดที่หัวหิน ทำไมต้องซื้อคอนโดติดทะเล”
ถ้าในกรุงเทพฯ คอนโดติดรถไฟฟ้าใจกลางเมือง หายากและแพงขึ้นทุกวัน ที่หัวหินก็เช่นกัน คอนโดติดหาดแทบจะหากันไม่ค่อยได้แล้ว มาถึงหัวหิน ถ้าจะซื้อคอนโด ก็ต้องซื้อที่ติดทะเลเท่านั้น เราว่ามันดูแปลกๆ นะ ถ้าจะไปซื้อคอนโดไม่ติดทะเล เพราะถ้าแบบนั้น เอาเงินไปเช่าโรงแรมแทนดีกว่า
นอกจากบรรยากาศติดชายหาดที่สุดแสนจะโรแมนติกแล้ว มูลค่าของคอนโด ที่ติดทะเล ในระยะยาวจะมีมูลค่าที่สูงกว่าคอนโดไม่ติดทะเลมากๆ ซึ่งในปัจจุบันแทบจะหาที่ดินแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วในหัวหิน เรียกได้ว่าเป็นที่ดินติดทะเลผืนใหญ่ผืนสุดท้ายสำหรับโครงการ Veranda Residence Huahin
ให้เราลองจินตนาการดูว่าถ้าเราได้อยู่บ้านพักที่ติดทะเล ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วได้สัมผัสกับแสงแดด มองเห็นชายหาดสวยๆ พร้อมรับลมทะเลจากบ้านพักของเราเอง เราจะเข้าใจและสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ทันทีว่า คนที่มีบ้านพักติดหาดต้องการอะไร บางครั้งการตัดสินใจเลือกซื้อบ้านโครงการใดโครงการหนึ่งอาจไม่ได้ตัดสินที่มูลค่า แต่อยู่ที่ “คุณค่า” ของสิ่งที่เราเลือกว่าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณได้เลือกให้กับตนเองและคนที่คุณรัก
และภาพที่คุณเห็นข้างล่างนี้ คือภาพทำเลที่ตั้งจริงของโครงการ Veranda Residence Hua Hin ซึ่งต้องบอกว่างามงดจริงๆค่ะ โลเคชั่นของโครงการได้ทั้งชายหาดที่เสมือนหาดส่วนตัวและยังมีเนินเขาที่ช่วยให้เรารู้สึกถึงความ exclusive มากขึ้นไปอีก
ดูโลเคชั่นกันไปแล้ว มาดูรายละเอียดโครงการคร่าวๆกันบ้างค่ะ โครงการสร้างอยู่บนที่ดิน 11-0-81 ไร่ ความสูง 3-7 ชั้น 5 อาคาร และที่จอดรถ 1 อาคาร รวมที่พัก 270 ยูนิต มีแบบห้องให้เลือก 5 แบบ ได้แก่
• 1 ห้องนอน ขนาด 41-46 ตร.ม.
• 2 ห้องนอน 64-104 ตร.ม.
• 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 87-111 ตร.ม.
• 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 136-147 ตร.ม.
• Sky Penthouse 160-213 ตร.ม.
ถ้าใครพอคุ้นกับ Veranda Style ก็น่าจะพอนึกภาพการออกแบบสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย คลีนๆ โปร่งๆ แต่มีดีเทลน่ารักๆ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว แต่เพราะที่นี่ตั้งอยู่ติดกับเขาตะเกียบทำให้การออกแบบดูมีรายละเอียดที่แตกต่างขึ้นมาอีกขั้น
นั่นคือ เน้นการออกแบบตัวอาคารและ Facilities ต่างๆ ให้กลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับภูมิประเทศ ตัวอาคารเป็นสีขาวครีมแซมด้วยสีเขียวจากต้นไม้ทำให้ทั่วทั้งโครงการกลมกลืนซ่อนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ตัดสีฟ้าครามของน้ำทะเล และสระว่ายน้ำที่อยู่ทั่วทั้งโครงการโดยมีตัวอาคารที่พักอาศัยโอบล้อมสระว่ายน้ำอยู่
เปรียบเทียบภาพ Perspective จำลองกับภาพโมเดลจำลองจาก Sale Gallery ก่อนจะไปพบของจริงตามด้านล่าง
จากภาพ Sale Gallery จะเห็นว่าตัวโครงสร้างอาคารเรียบๆ สีขาว ตัดกับกระจกใสสูงจากพื้นจรดเพดาน รับวิวได้โดยรอบ เพิ่มลูกเล่นด้วยวัสดุลายเนื้อไม้ตกแต่งบนพื้นและผนัง ใช้เส้นจากไม้เป็นตัวนำสายตา และตัดด้วยลายเส้นแนวนอนที่มาพร้อมกับ Texture นุ่มๆ ของโซฟา ดูเรียบๆ แต่มีลูกเล่นน่ารักๆ ดี ซึ่ง Sale Gallery ยังมีพื้นที่ด้านนอกให้นั่งมองวิวทะเลและสัมผัสทรายนุ่มๆ ด้วย
ในวันนี้เราจะพาไปเปิดดูห้องจริงขนาด 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ซึ่งการออกแบบโครงการทั้งหมดรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่มาพร้อมกับทุกๆ ยูนิต Veranda ก็ทำได้สมกับที่ได้รับการยกให้เป็น Design Hotel โดยการร่วมมือกับพันธมิตรนักออกแบบที่ได้รับการยอมรับในทุกวงการ อาทิ งานสถาปัตย์ฯ โดย OBA ออกแบบตกแต่งภายในและเป็นที่ปรึกษาด้านเฟอร์นิเจอร์โดย AUGUST DESIGN ภูมิสถาปัตย์โดยรอบโดย TROP และออกแบบเฟอร์นิเจอร์โดย QUATTRO DESIGN
โดยเฉพาะงานเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมี่ยมจาก QUATTRO DESIGN ที่มีสไตล์ที่โดดเด่น เน้นการ Mix & Match เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งได้อย่างลงตัว ของแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์ ใช้วัสดุคุณภาพสูง ทนทาน เหมาะกับทุกการใช้งาน คัดสรรโดยทีมดีไซเนอร์ของ QUATTRO DESIGN และทีมนักออกแบบของโครงการ
เรามาเริ่มกันที่ห้องขนาด 1 ห้องนอน... ทันทีที่เปิดประตูห้องก็จะพบกับซ้ายมือเป็นโซนห้องครัว มองตรงเข้าไปก็จะเป็นโซนห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ขวามือเป็นห้องนอนที่มีฉากกั้นเปิดปิดได้
ก็อย่างที่บอกว่าตัวโครงการเน้นสีขาว ครีม Texture เนื้อไม้ครีมอ่อนๆ และกระจกทรงสูง เช่นเดียวกับบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนที่เน้นผนังสีขาว พื้นห้องสีขาว และเฟอร์นิเจอร์สีขาว ตัดกับสีครีมและ Texture เนื้อไม้ของเฟอร์นิเจอร์ เตียง เน้นบรรยากาศสบายๆ โปร่งๆ ดูแล้วไม่มากไปไม่น้อยไป
ภาพด้านล่าง ซ้ายมือเป็นห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นสำหรับดูทีวี ด้านขวาเป็นห้องนอน ส่วนที่เห็นตรงกลางนั่นคือประตูเลื่อนปิดกั้นระหว่างห้องรับแขกและห้องนอน เพิ่มความเป็นส่วนตัว ทำให้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ สามารถเลื่อนเปิดปิดได้เอง
โดยทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น มีกระจกบานสูงจรดเพดานสำหรับเปิดรับวิวและแสงภายนอกได้อย่างเต็มที่ สามารถเลือกได้ว่าจะเอาเป็นวิวสวน วิวทะเล หรือวิวสระว่ายน้ำ ราคาก็แตกต่างกันไปตามวิวที่เลือก เพิ่มลูกเล่นให้บนเพดานด้วยการเจาะเพดานรูปทรงเลียนแบบธรรมชาติและซ่อนไฟเหลืองอมส้มสบายตา
จากห้องนอนมาทางขวามือก็จะพบกับห้องแต่งตัวและห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่ได้อย่างเป็นสัดส่วน จากภาพด้านล่าง ภาพซ้ายสุดคือภาพที่มองมาจากห้องนอนจะเห็นว่าด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ล้างหน้า ลึกเข้าไปคือโซนเปียก ส่วนภาพที่สองคือด้านขวามือเป็นตู้เสื้อผ้าบิ้วอินท์ เมื่อเปิดตู้มาก็จะเป็นชั้นวางของใช้เสื้อผ้าได้อีกจำนวนนึง
ความพิเศษของห้องน้ำก็อยู่ที่การออกแบบและเลือกใช้วัสดุที่ดูเรียบง่ายแต่กลับทำให้กลายเป็นห้องที่ดูสะอาด โปร่ง โล่ง ทั้งสุขภัณฑ์นำเข้าเกรดพรีเมี่ยม ฝักบัวขนาดใหญ่และเล็ก วัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำที่ทำความสะอาดง่าย ป้องกันการเกิดคราบ กระจกบานใหญ่ พร้อมระบบการระบายอากาศที่ช่วยให้ห้องน้ำไม่อับชื้น ไม่มีกลิ่น
ซูมกันชัดๆ กับความพรีเมี่ยมของสุขภัณฑ์และพื้นผิวของผนังห้องน้ำเกรดพรีเมี่ยม เรียบๆ แต่มี Texture ที่ทั้งสวยงามและมีประโยชน์ช่วยพรางริ้วรอยและคราบสกปรกได้ด้วย
มาต่อกันที่โซนห้องครัวที่มาพร้อมกับชั้นวางของเก็บของได้จำนวนมาก ท๊อปเคาน์เตอร์ทำจากวัสดุทำความสะอาดง่าย ผนังตลอดแนวบุด้วยวัสดุป้องกันและเช็ดทำความสะอาดคราบได้ง่าย มาพร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัว ที่ดูดกลิ่นและควัน และซิงค์ล้างจาน
มาต่อกันที่ห้องแบบ 2 ห้องนอนที่ดูพรีเมี่ยมขึ้นมาอีกระดับ พร้อมโทนสีที่เพิ่มความเคร่งขรึมขึ้นอีกนิด ขณะเดียวกันก็ใส่ดีเทลแบบจัดเต็มทั้งเฟอร์นิเจอร์ สุขภัณฑ์ และพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น และ 1 โซนห้องครัว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับซ้ายมือที่เป็นโซนทำครัวขนาดใหญ่ เน้นตู้บิ้วอินท์ที่เก็บของได้ดูสะอาดตา ขวามือติดประตูทางเข้าคือห้องน้ำ ตรงไปเป็นห้องนั่งเล่นที่มองเห็นวิวข้างนอก และขวามือเป็นทางไปห้องนอนเล็ก ห้องนอนใหญ่ และห้องน้ำใหญ่
มุมห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับกระจกทรงสูงบานใหญ่ ด้านนอกเป็นระเบียงส่วนตัว มองตรงเข้าไปจะเห็นห้องนอนใหญ่ที่ผนังกั้นห้องเลื่อนเปิดปิดได้ ส่วนประตูมุมขวาด้านในสุดคือห้องน้ำใหญ่ และอีกประตูคือทางเข้าห้องนอนเล็ก
ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นผนังโล่งๆ สำหรับวางทีวีหรือวางของตกแต่ง ซึ่งภายในห้องตัวอย่างได้เลือกของตกแต่งโทนสีฟ้าน้ำทะเลมาเป็นลูกเล่นตัดกับผนังสีน้ำตาลอ่อน
รวมทั้งหมอนอิงสีฟ้า สีคราม ไปจนถึงสีน้ำเงินเข้ม ลวดลายธรรมชาติก็เพิ่มสีสันให้กับห้องได้เช่นกัน
ด้านในห้องนอนเล็กเป็นเตียงนอนสำหรับคนเดียว พื้นที่ใช้สอยกะทัดรัด มีครบทั้งตู้เสื้อผ้าและที่วางของใช้ส่วนตัว เพิ่มกลิ่นอายเก่าๆ เป็นลูกเล่นด้วยประตูบานเฟี้ยม
ประตูทางเข้าห้องนอนเล็กมี 2 ด้าน ด้านนึงอยู่ฝั่งห้องนั่งเล่นตามภาพด้านบน ส่วนอีกด้านเป็นประตูที่อยู่ติดกับห้องน้ำเล็กตามตัวอย่างด้านล่าง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานจริง
จากห้องนอนเล็กมาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง... ส่วนของห้องนอนใหญ่มีฉากกั้นห้องที่สามารถเปิดกว้างก็ได้ ปิดหมดเลยก็ได้ มีหน้าต่างกระจกรับวิวด้านนอกเต็มที่ ด้านขวามือของห้องนอนใหญ่ก็จะเป็นห้องน้ำใหญ่ที่มีพื้นที่จัดเต็ม
จากภาพห้องน้ำด้านล่างจะเห็นว่ามีการแบ่งพื้นที่เหมือนกับห้องแบบ 1 ห้องนอน นั่นคือ มีพื้นที่แต่งตัวที่มีตู้เสื้อผ้าบิ้วอินท์ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็คืออ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยโซนเปียกที่ใหญ่กว่าเดิม สีของผนังและพื้นดูเคร่งขรึมขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพิ่มความหรูหราด้วยสุขภัณฑ์เกรดและวัสดุพรีเมี่ยม
ขณะที่ห้องน้ำเล็กก็มีดีไซน์และโทนสีเหมือนกันแตกต่างกันแค่ขนาดพื้นที่ใช้สอย ที่ไม่มีโซนแต่งตัวและตู้เสื้อผ้าให้ ไม่มีอ่างอาบน้ำ เพิ่มความโอ่โถงด้วยกระจกแต่งตัวบานใหญ่ และประตูกั้นแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกทรงสูงก็ช่วยทำให้รู้สึกว่ากว้างขวาง ขณะเดียวกัน ทางโครงการก็ได้เว้น Space ระหว่างสุขภัณฑ์แต่ละชิ้นค่อนข้างมาก ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยสะดวกสบายพอสมควร ดูได้จากระยะห่างระหว่างอ่างล้างหน้ากับชักโครกที่มีการเว้นระยะไว้พอสมควร
ส่วนโซนห้องครัวก็คล้ายๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน แต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น เน้นสีขาวคลีน ด้วยวัสดุทำความสะอาดง่ายกับแบรนด์เคาน์เตอร์เกรดพรีเมี่ยม มาพร้อมกับชั้นวางของภายในตู้จำนวนมาก
นอกจากนี้ทางโครงการยังได้ใส่ใจออกแบบมุมเล็กๆ ที่ช่วยเติมเต็มทุกอารมณ์ความรู้สึกและทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยการออกแบบมุมเก็บของทั้งตู้รองเท้าริมทางเดิน ตู้เสื้อผ้าในห้องน้ำใหญ่ และตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเล็ก ตามตัวอย่างด้านล่าง
อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจก็คือการใส่ช่องแสงจากธรรมชาติและช่องไฟไฮไลท์ในจุดต่างๆ ตามตัวอย่างด้านล่าง 2 ภาพแรกเป็นภาพในห้องน้ำที่มีทั้งการใส่ไฟเพิ่มลูกเล่นให้กับขอบกระจก รวมทั้งเพิ่มช่องแสงธรรมชาติบริเวณโซนฝักบัวในห้องน้ำเล็ก
ส่วนด้านนอกก็มีการเพิ่มลูกเล่นให้กับบนเพดานด้วยการทำฝ้าแบบเล่นระดับ ฉลุเป็นรูปทรงธรรมชาติ ซ่อนหลอดไฟแสงสีอบอุ่น ช่วยเพิ่มไฮไลท์สร้างบรรยากาศในยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี ขณะที่โซนห้องครัวก็ซ่อนไฟไว้ด้านบนเคาน์เตอร์ทำอาหารตามตัวอย่างภาพสุดท้าย
บริเวณระเบียงด้านนอกขนาดใหญ่ สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่นั่ง 3-4 คนได้แบบสบายๆ แถมยังมีพื้นที่จัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้อีกด้วย โดยเป็นระเบียงกระจกผืนใหญ่ตลอดแนวระเบียง คลุมโทนด้วยกรอบสีน้ำตาลเช่นกัน
ด้านในตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาว เล่นเส้นสายด้วยลายเพ้นท์บนผนัง ระแนงเหล็กที่นำมาตกแต่งเป็นจังหวะ รวมทั้งเก้าอี้เหล็กที่ทำเลียนแบบลวดลายจักสาน ด้านในสุดเป็นเคาน์เตอร์บาร์ที่มีให้เลือกทานทั้งเมนูของหวานและเครื่องดื่ม
ส่วนภายนอกก็มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายโซน ทั้งโซนโต๊ะเก้าอี้ภายในร่ม โซนเบาะสีฟ้าภายในร่ม และริมชายหาด
หรือถ้าใครที่กลัวร้อนกลัวดำ ก็แนะนำให้ไปยามเย็นจนใกล้ค่ำ เพราะว่านอกจากจะได้ชมวิวทะเลแล้ว แสงสีของ Skoop Beach Café ก็ดูสวยและอบอุ่นไม่แพ้ตอนกลางวันเลย ซึ่งจากห้องนอนทั้ง 2 แบบข้างต้นมาจนถึง Skoop Beach Café จะเห็นว่าทางโครงการไม่ได้ใส่ใจแค่การดีไซน์โครงสร้างเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบช่องรับแสงจากธรรมชาติและการใส่ไฟในแต่ละจุดอีกด้วย
ส่วนเมนูเด่นของ Skoop Beach Café ก็เดาจากชื่อได้ไม่ยากเลยว่า ต้องเป็นของหวานที่มีส่วนผสมของไอติมเป็นหลักแน่นอน ใครอยากสัมผัสบรรยากาศชิลล์ๆ แบบนี้ก็สามารถแวะเวียนกันไปได้ ซึ่งโซนนี้เปิดให้คนนอกได้เข้าไปนั่งชิมนั่งชิลล์ได้ด้วย
นอกจากโซนที่พักอาศัยและ Skoop Beach Café แล้วทางโครงการยังได้ออกแบบส่วนอื่นๆ มาแบบจัดเต็มโดยเฉพาะ “The Beachfront Club” ภายใต้คอนเซปท์ Elevated Beachfront Vacation Living ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความแตกต่างเหนือระดับ ทั้งในด้านดีไซน์และการบริการ
The Beachfront Club ที่มาพร้อมกับห้องสวยในรูปแบบ Beachfront ประกอบไปด้วย
- Sky Penthouse 213 ตร.ม.
- Beachfront Suite 147 ตร.ม.
- Beachfront Jacuzzi Suite 104 ตร.ม.
ทางเลือกสำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่พักอาศัย ที่ให้ความรู้สึกเสมือนใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ทสุดหรูติดทะเลทุกวัน และมีพื้นที่สำหรับสมาชิกในครอบครัว
ที่มาพร้อมกับบริการสุดพิเศษ The Beachfront club exclusive privileges เช่น บริการ Butler service, Grocery Shopping & Delivery, Valet Parking, Concierge Service, Hotel Housekeeping service, In Room Dining Service ฯลฯ ซึ่งท่านสามารถสอบถามรายละเอียดที่มากกว่าได้จากโครงการโดยตรง
ส่วนพื้นที่ส่วนกลางก็มีทั้งสระว่ายน้ำแบบ Beach Pool และ Dual Lap Pool พื้นที่พักผ่อนริมสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ซาวน่า สตรีม ห้องอเนกประสงค์ สวนสีเขียวรอบโครงการ โซนพักผ่อนริมชายหาดหัวหิน ที่จอดรถ ร้านอาหารที่เปิดบริการตลอดวัน Beach Bar & Restaurant ฯลฯ พร้อมด้วยระบบรักษาความปลอดภัยด้วย Access Card Control กล้องวงจรปิด และการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
พร้อมสรรพขนาดนี้กับราคาเริ่มต้น 5.26 ล้านบาท* (ห้องธรรมดา) เท่านั้น ใครรักหัวหินแล้วฝันจะมีที่พักตากอากาศติดทะเลซักที่ นี่คือหนึ่งในโครงการที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ
ดูรายละเอียดกิจกรรมภายในงานได้เพิ่มเติมที่ www.facebook.com/verandaresidence
หรือแวะไปชมก่อนใครได้แล้ววันนี้ที่ Sale Gallery และ www.verandaresidencehuahin.com หรือโทร. 088-895-2121
โครงการคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ได้ประมาณ ปี 2563
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ได้ไอเดียๆ ดีๆ จากนี้นี่เลย ขอบคุณค่ะ เขียนบทความบ่อยๆ น๊าา
งานดี มีคุณภาพมากๆ
อ่านยังไงให้เสียตังงงงงงงง เขียนแบบนี้ต้องเสียตังแน่ๆ
ได้รับความรู้เยอะเลย
ดีไปหมด ไม่มีที่ติเลยจ๊ะ