![Favorite](https://www.livinginsider.com/assets18/images/icon/mobile-more/fav2.png)
Favorite
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2542 ประเทศไทยได้มีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้า 2 สายแรกของประเทศ ได้แก่ สายสุขุมวิท (สถานีหมอชิต-สถานีอ่อนนุช) และสายสีลม (สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-สถานีสะพานตากสิน) ปัจจุบันรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายได้เปรียบเสมือน Backbone ของคนกรุงเทพฯในการใช้เดินทางสัญจร โดยสายที่ได้รับความนิยมและพบความเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ สายสุขุมวิท ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ (จตุจักร) กรุงเทพชั้นใน และฝั่งตะวันออก (แบริ่ง) เข้าด้วยกัน
โดยสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ การปรับเปลี่ยนสีผังเมือง ให้สอดคล้องกับการพัฒนาของเมือง ด้วยการปรับให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีน้ำตาล (ที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก) และสีแดง (พาณิชยกรรม) เป็นบางช่วง ทำให้พื้นที่โซนนี้มีศักยภาพต่อการพัฒนาในอัตราส่วนที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน ซึ่งสามารถพัฒนาได้ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง รวมไปถึงเพื่อการพาณิชย์ โรงแรมและสำนักงาน เป็นต้น
นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนสีผังเมือง ยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินอีกด้วย ต่อเรื่องนี้ นายอภิภู พรหมโยธี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด ซึ่งพัฒนาโครงการ “ณ วีรา พหลฯ-อารีย์” (Na Veera Phahol-Ari) คอนโด Low rise 8 ชั้น ที่มีมูลค่าโครงการ 240 ล้านบาท โดยตัวโครงการตั้งอยู่ห่างจากปากซอยพหลโยธิน 14 ในระยะไม่เกิน 200 เมตร ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการสำรวจของบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ พบว่า ปัจจุบันราคาเสนอขายที่ดินแนวเส้นบีทีเอสย่านอารีย์-พหลโยธินมีช่วงราคาที่แตกต่างกัน
ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วงราคา ดังนี้ 1. ตั้งแต่สถานีบีทีเอสอนุสาวรีย์ฯจนถึงอารีย์ราคาเสนอขายที่ดินอยู่ที่ตารางวาละ 1,200,000 – 1,500,000 บาท ซึ่งเป็นช่วงที่มีราคาเสนอขายสูงสุด 2. เส้นพหลโยธินซอยย่อยฝั่งเลขคี่ ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 600,000 – 800,000 บาท และ 3. เส้นพหลโยธินซอยย่อยฝั่งเลขคู่ ราคาอยู่ที่ตารางวาละ 300,000 – 500,000 บาท ซึ่งเป็นทำเลที่มีราคาต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับทำเลอื่นในย่านนี้
ในขณะที่ทำเลไม่ได้มีความแตกต่างจากพื้นที่ใกล้เคียงมากนัก ใกล้สถานีบีทีเอส,สำนักงาน, และสาธารณูปโภคอื่นๆ อีกทั้งยังมีความสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า ที่สำคัญยังมีข้อได้เปรียบทางด้านราคาในการพัฒนาที่ดินจึงสามารถพัฒนาโครงการให้มีราคาที่จับต้องได้
โดยคอนโดมิเนียมในทำเลนี้มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 125,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะคอนโดมิเนียมบริเวณซอยย่อยในทำเลอารีย์และบนถนนพหลโยธินในทำเลจตุจักรมีราคาเฉลี่ยสูงกว่า ราคาต่อตารางเมตรอยู่ที่ 154,000 บาท และ 166,000 บาท ตามลำดับ
แม้หลายคนจะมองว่าราคาขายคอนโดมิเนียมในย่านดังกล่าว ยังต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในย่านธุรกิจอย่าง สีลม สาธร แต่ในอนาคต ในย่านนี้กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ New CBD เพราะนอกจากจะที่ตั้งของอาคารสำนักงานเอกชนและสถานที่สำคัญทางราชการอย่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์), ธนาคารออมสิน (สำนักงานใหญ่), สำนักงาน กสทช., ธนาคารกสิกรสำนักงานใหญ่, เอไอเอส ทาวเวอร์ เป็นต้น
ยังมีอาคารสำนักงาน เกรด A แห่งใหม่บนถนนพหลโยธินอีก 3 อาคารที่เพิ่งเปิดใช้งาน ได้แก่ 1. Pearl Bangkok อาคารสูง 25 ชั้น 2. Ari Hill อาคารมิกส์ยูส สูง 34 ชั้น ที่มีทั้งอาคารออฟฟิศ ร้านค้า และโรงแรม 3.SC Tower อาคารสูง 24 ชั้น รวมพื้นที่เช่ากว่า 83,000 ตร.ม. และคาดการณ์ว่าจะมีผู้ทำงานในทั้ง 3 อาคารนี้กว่า 6,000 คน
และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะมีโครงการอื่นๆเข้าสู่ตลาดอีกจำนวนมากอาทิ โครงการ The Rice อาคารมิกส์ยูส สูง 24 ชั้น โรงพยาบาลวิมุตติ ในเครือพฤกษา อาคารวานิช เพลส ของกลุ่มแหลมทองสหการซึ่งประกอบด้วยสำนักงานและคอมมูนิตี้ มอลล์
“การเพิ่มขึ้นของจำนวนอาคารสำนักงาน คอมมูนิตี้มอลล์ และโครงการอื่นๆ รวมทั้งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2563 เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพให้กับพื้นที่ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้บ่งบอกได้ว่าในอนาคตจะมีแรงงานจำนวนมากเข้าสู่พื้นที่ นำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการทำงานและใช้ชีวิต ส่งผลให้ราคาที่ดินที่อาจจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกถึง 15-20% ต่อตารางวา ขณะที่ราคาขายคอนโดมิเนียมก็จะไม่ได้อยู่แค่ราคาแสนกว่าบาทอย่างแน่นอน”นายอภิภู กล่าว
สำหรับโครงการ ณ วีรา พหลฯ-อารีย์ ถูกออกแบบภายใต้คำว่า คลาสสิค ทวิสต์ (Classic Twist) โดยนำรูปแบบสถาปัตยกรรมของย่านที่อยู่อาศัยในแถบยุโรปมาผสมผสานกับความทันสมัย โดยมีราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.เพียง 110,000 บาทต่อตร.ม. หรือราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้นที่ 2.49 ล้านบาท ประกอบด้วยห้องพักทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนอนพิเศษ ขนาดตั้งแต่ 23.13 -33.55 ตร.ม.
โดยออกแบบให้การใช้งานภายในห้องมีความหลากหลาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อิสระของกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Co-working space รถรับ-ส่งสถานีรถไฟฟ้า เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2562 ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2563 กำลังจะเปิดขายครั้งแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 นี้
นายอภิภู กล่าวเพิ่มเติมว่า เรามุ่งจับกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ วัยทำงานที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง ชื่นชอบการใช้ชีวิตอิสระไม่ได้ละเลยในเรื่องของรายละเอียดการใช้ชีวิตและการวางอนาคตให้กับตัวเอง แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพและความคุ้มค่ามาเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งที่โครงการ ณ วีรา สามารถตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ได้ดีที่สุด ดังนั้นจึงถือได้ว่ามีความคุ้มค่าอย่างยิ่งไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือซื้อเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานก็จะยิ่งทวีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต
สอบถามข้อมูลโครงการเพิ่มเติม โทร 085-368-2222 หรือ http://navarangasset.com/
“20 ปี แอสเซทไวส์” โชว์กลยุทธ์ “Growing Success, Growing Happiness” ปั้น 10 โครงการใหม่มูลค่า 22,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายรวม 19,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท
yesterday
แสนสิริ เบอร์หนึ่งอสังหาฯ ปลุกเซ็นติเมนต์ตลาด ประกาศแผนปี 68 “Dynamic Growth” เติบโตแข็งแกร่ง เป้ายอดขาย 53,000 ลบ. ยอดโอน 46,000 ลบ.
yesterday
เครือออริจิ้น X LINE MAN-LINE Pay-Wongnai จัดแคมเปญ “ออริจิ้น COMBO SET โปรคุ้ม รับส่วนลดเป็นชุด” มอบส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท*
2025-02-04
“ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ถนนอุทยาน” บ้านเดี่ยวลักชูรีบนโอเอซิสแห่งใหม่ในสังคมสุดไพรเวต ที่ดิน 100 ตร.ว.ขึ้นไป เริ่ม 17.9 ลบ.*
2025-02-04
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จัดแคมเปญพิเศษบ้านแห่งรัก 2568 “ลลิล อิน ยัวร์ เลิฟ” มอบทองคำมูลค่าสูงสุดกว่า 5 แสนบาท วันที่ 8-9 ก.พ. นี้
2025-02-03
ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วรู้เรื่องดีครับ
Content หลากหลายดีค่ะ
เนื้อหาบทความเข้าใจง่าย ตัดสิ้นใจง่ายขึ้เลยครับ
ชอบเข้ามาอ่านบทความที่นี่ค่ะ รายละเอียดเยอะดี
ได้ความรู้มากๆเลยครับ
ชอบไอเดียค่ะ ได้แบบใหม่ๆอีกเยอะเลย