AREA เผย 47 จังหวัดขนาดเล็กทั่วไทย บ้าน-คอนโดเหลือขาย 1.14 แสนหน่วย มูลค่า 2.17 ล้าน

AREA เผย 47 จังหวัดขนาดเล็กทั่วไทย บ้าน-คอนโดเหลือขาย 1.14 แสนหน่วย มูลค่า 2.17 ล้าน

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) เปิดเผยว่า ในปี 2562 มีที่อยู่อาศัยรอขายในประเทศไทย 454,814 หน่วย รวมมูลค่า 1,344,356 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีหน่วยขาย 40% ของทั้งตลาด แต่มีมูลค่ารวมกัน 55% ของทั้งตลาด

จังหวัดที่น่าเป็นห่วงได้แก่ ตาก นครศรีธรรมราช ปราจีนบุรี สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานี แม้เป็นเมืองใหญ่แต่การขายช้าและเหลืออยู่มาก

ณ สิ้นปี 2561 มีหน่วยขายที่อยู่อาศัยทั่วประเทศทุกประเภททั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว อาคารชุด ที่ดินจัดสรร ที่จะเข้ามาขายในปี 2562 รวมกันถึง 454,814 หน่วย หรือ 30% ของหน่วยขายที่มีอยู่ทั้งหมด รวมมูลค่ารวมกัน 1,344,356 ล้านบาท หรือ 45% ของงบประมาณแผ่นดิน

หน่วยขายมีราคาเฉลี่ย 2.956 ล้านบาท ในแต่ละเดือนแต่ละโครงการควรขายได้ 3.2% ของหน่วยขายทั้งหมด

เมืองที่ยังมีหน่วยรอขายอยู่มากที่สุดในปี 2562 ได้แก่ กรุงเทพฯ 91,600 หน่วย รองลงมา ชลบุรี 34,400 หน่วย, นนทบุรี 32,700 หน่วย , สมุทรปราการ 25,300 หน่วย, ปทุมธานี 22,600 หน่วย โดยเมืองใหญ่ 5 อันดับแรกนี้ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกัน 45% ของตลาดรวม

ในด้านมูลค่าหน่วยขายทั้งหมด 454,814 หน่วย รวมมูลค่า 1,344,356 ล้านบาทพบว่า 5 อันดับแรกได้แก่ อันดับ 1 กรุงเทพฯ 454,230 ล้านบาท หรือ 34% ของตลาดรวม, อันดับ 2 นนทบุรี 107,730 ล้านบาท หรือ 8%,

อันดับ 3 ชลบุรี 94,700 ล้านบาท สัดส่วน 7%, อันดับ 4 สมุทรปราการ 82,260 ล้านบาท หรือ 6%, อันดับ 5 ปทุมธานี 62,640 ล้านบาท หรือ 5% ส่วนเชียงใหม่นับเป็นอันดับ 6 มีบ้านรอขาย 54,100 ล้านบาท สัดส่วน 4%

ดร.โสภณกล่าวว่า โดยเฉพาะ 5 มหานครแรกของประเทศไทยนี้ (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี) มีมูลค่าที่อยู่อาศัยรอการขายในปี 2562 ในสัดส่วน 59% ของทั้งหมดในตลาดทั่วประเทศ

ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) มีสัดส่วนอยู่รวมกัน 55% ซึ่งถือว่าเป็นอภิมหานคร (Primate City) จะสังเกตได้ว่าขนาดของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเมื่อ 10 ปีก่อนที่ศูนย์ข้อมูลฯ สำรวจไว้ มีขนาดราว 50% แต่ขณะนี้มีขนาดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับทั่วปรเเทศ

ดร.โสภณมีข้อสังเกตว่า มหานครที่มีขนาดใหญ่รองจาก กทม.และปริมณฑล เป็นจังหวัดชลบุรีซึ่งแบ่งย่อยเป็นเมืองย่อย 8 เมือง แต่หลังจากชลบุรีก็เป็นเชียงใหม่ ในขณะที่ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง เพชรบุรีเติบโตอย่างรวดเร็วมากเพราะเป็นทั้งเมืองอุตสาหกรรมและเมืองตากอากาศ

ส่วนเมืองหลักในภูมิภาคที่ไม่ใช่เป็นเมืองชายแดน ไม่ใช่เมืองตากอากาศ ไม่ใช่เมืองอุตสาหกรรม มีขนาดของตลาดที่อยู่อาศัยไม่ใหญ่มากนัก แสดงให้เห็นว่าตลาดภูมิภาคหดตัวลงในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ราคาที่อยู่อาศัยเฉลี่ยหน่วยละ 2.956 ล้านบาท โดยพื้นที่กรุงเทพฯ สูงสุดเฉลี่ยหน่วยละ 4.959 ล้านบาท อันดับที่ 2 ภูเก็ต เฉลี่ย 4.615 ล้านบาท อันดับ 3 เชียงใหม่ 4.434 ล้านบาท อันดับ 4 ประจวบคีรีขันธ์ 3.902 ล้านบาท อันดับ 5 เพชรบุรี เฉลี่ย 3.351 ล้านบาท เทียบกับเมืองหลักในภูมิภาคมีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และหลายเมืองเอยู่ที่ 2.7 ล้านบาทเท่านั้น

จังหวัดที่มีสัดส่วนการขายสูงสุดคือภูเก็ต อยู่ที่ 6.9% ของหน่วยขายทั้งหมด ใช้เวลาขายหมดภายใน 15 เดือน, กรุงเทพฯ 5.2%, ประจวบฯ-ปทุมธานี-ระยอง ขายได้เดือนละ 4.5% เท่ากับขายหมดในเวลา 22 เดือน

จังหวัดที่น่าห่วงใยเป็นพิเศษ 5 จังหวัด ได้แก่ ตาก แม้มีหน่วยขายเหลือ 480 หน่วย สัดส่วน 40% ของตลาดรวมในพื้นที่ แต่มีอัตราการขาย 2.1%, นครศรีธรรมราช เหลือขาย 2,100 หน่วย 38% อัตราการขาย 2.3%, ปราจีนบุรี เหลือขาย 2,700 หน่วย สัดส่วน 55% มีอัตราการขาย 2.7%, สุราษฎร์ธานี เหลือขายอยู่ 3,100 หน่วย 36% มีอัตราการขาย 2.6%, อุบลราชธานี เหลือขาย 2,200 หน่วย 34% มีอัตราการขาย 2.9%

นอกจากที่อยู่อาศัยใน 30 จังหวัดที่สำรวจประจำแล้ว ดร.โสภณประมาณการอีก 47 จังหวัดขนาดเล็ก คาดว่ามีหน่วยเหลือขายส่งต่อในปี 2562 รวมกัน 114,331 หน่วย สัดส่วน 30% มูลค่าหน่วยเหลือขาย 217,229 ล้านบาท เฉลี่ยต่อหน่วย 1.9 ล้านบาท มีอัตราการขายได้ 3.0% ต่อเดือน เฉลี่ยแล้วจังหวัดละ 2,433 หน่วย เป็นเงิน 4,622 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยค่าเฉลี่ย 2.956 ล้านบาท/หน่วย นับว่าถูกมากเมื่อเทียบกับในกรุงกัวลาลัมเปอร์ พนมเปญ สิงคโปร์ ฮานอย นครโฮจิมินห์ซิตี้ ที่มีราคาเฉลี่ยเกิน 4.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยราคาที่อยู่อาศัยที่ถูกกว่าไทยได้แก่ กรุงจาการ์ตา มะนิลา ราคาเฉลี่ยไม่เกิน 3 ล้านบาท

ขอบคุณภาพและข่าวจาก ประชาชาติธุรกิจ

https://www.prachachat.net/property/news-275912