Favorite
สมัยนี้เอาแค่บ้านชานเมืองก็ราคาแพงหูฉี่แล้ว แทบไม่ต้องพูดถึงบ้านในเมืองกันเลย เพราะเอาแค่ฝัน "ยังฝันยากเลย"
แต่จะให้เลือกคอนโด บางคนก็มองว่ายังไม่ตอบโจทย์ได้ดีเท่าบ้าน ดังนั้นคนที่มีธงปักในใจว่าอยากได้บ้านแล้ว แต่ก็อยากได้ทำเลในเมือง อยากได้ราคาไม่แรง จะต้องทำยังไงล่ะ?
ทางออกของเรื่องนี้มีไม่กี่ทางหรอก หนึ่งในนั้นก็ง่ายๆ เลย จับคอนโดกับบ้านมาหลอมรวมเป็นหนึ่งก็จบ!!! คือถึงแม้จะเป็นคอนโด แต่อีกมุมหนึ่งสามารถทำให้เรา มีความรู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านหลังเดี่ยวจริงๆ ซึ่งโครงการที่สามารถตีโจทย์แตกเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือ...
Rhythm Ekkamai Estate หนึ่งในแบรนด์ของ AP ที่มีแนวคิดหลักของโครงการคือ FEEL LIKE HOME ให้สัมผัสความรู้สึกเหมือนบ้าน อีกหนึ่งตัวอย่างของโครงการที่เปิดตัวมาพร้อมจุดขายที่ผสมผสานฟังก์ชั่นใช้สอยเข้ากับงานดีไซน์หรูหรา มีดีเทลน่าสนใจไม่ใช่น้อย ดูแล้วมีความ “กล้าที่จะเล่น กล้าที่จะดีไซน์ และกล้าที่จะเลือกใช้วัสดุส่วนต่างๆ ของโครงการอย่างเต็มที่”
Rhythm Ekkamai Estate บนทำเล “เอกมัย ศูนย์กลางกรุงเทพฯ ในทุกมุมมอง”
จุดขายแรกของ Rhythm Ekkamai Estate ก็ตามชื่อโครงการเลยคือ อยู่บนทำเลกลางเมือง ทำเลในฝันของคนกรุงเทพฯ อย่าง “เอกมัย” หรือซอยสุขุมวิท 63 โดยอยู่ในช่วงต้นซอยฝั่งสุขุมวิทห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีเอกมัยประมาณ 1 กม.
ซอยนี้เป็นถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อ ถนนสุขุมวิทกับถนนเพชรบุรี ด้วยระยะทางเพียง 2.5 กม. แต่ก็ยังมีทางให้ลัดเลาะหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเข้าทาง ถ.เพชรบุรี ถ.พระราม 9 และ ถ.สุขุมวิท
หรือเลี่ยงรถติดด้วยการลัดเข้าซอยย่อยๆ ไปยังถนนทองหล่อ ผ่านซอยทองหล่อ 10 และซอยทองหล่อ 20 (ซอยแจ่มจันทร์) แถมยังใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์
ส่วนความคึกคักในฝั่งต้นซอยสุขุมวิท 63 ที่มีทั้งเมเจอร์เอกมัยและเกตเวย์เอกมัย เดินเข้ามาหน่อยก็จะเจอผู้คนคึกคักเพราะเป็นจุดต่อรถ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ สภาพอาคารบ้านเรือนช่วงต้นซอยส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ออฟฟิศขนาดเล็ก สลับคอนโด Low Rise และ High Rise เกรดพรีเมียมเป็นระยะ
ที่ขาดไม่ได้เลย ด้านในซอยมีทั้งแหล่ง ช้อป ชิม ชิลล์ ย่านพบปะสังสรรค์และ Community มีดีไซน์ซ่อนตัวอยู่มากมาย อาทิ Park Lane Ekkamai Mall, Big C, บ้านเพื่อนเอกมัย สถานบันเทิงชื่อดัง ร้านกาแฟเล็กใหญ่
ที่สำคัญ ภายในซอยเอกมัยยังมีสาธารณูปโภคครบครัน ทั้งโรงเรียนนานาชาติอย่างโรงเรียน Ekkamai International โรงพยาบาลสุขุมวิท ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ และโรงพยาบาลสุขุมวิท
แต่ทีเด็ด ณ ตอนนี้ คงหนีไม่พ้นห้าง "ดองกี้" แถวเอกมัยซอย 5 ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน มีทั้งของกิน ของใช้ และอีกหลายสิ่งอย่างที่มีไม่ต่างจากที่ญี่ปุ่นเลย ซึ่งถ้าอยู่โครงการนี้จะไปตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเดินจากโครงการไปไม่นานก็ถึง
Rhythm Ekkamai Estate “เติมเต็มเพื่อชีวิตที่แตกต่าง”
สำหรับ Rhythm Ekkamai Estate มีหนึ่งจุดไฮไลท์คือ พื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มที่แทบจะมีอยู่ทุกชั้น และยังคงรักษาเอกลักษณ์งานดีไซน์และการจัดวางเลย์เอ้าท์ที่แตกต่างเหมือนเคย โดยเฉพาะการออกแบบที่ใช้วิวทิวทัศน์ของทำเลทองได้แบบคุ้มสุดคุ้ม เปิดทุกมุมมองรับวิวได้อิ่มจุใจ
ส่วนเรื่องงานดีไซน์ก็ลงลึกใส่ดีเทลในทุกจุดแบบจัดเต็ม ทั้งเรื่องการใช้เส้นสาย การใช้โทนสี และการเลือกใช้วัสดุ ซึ่งจากการมองภาพตัวอย่างที่ปล่อยมา คาดว่ามีการผสมผสานวัสดุทั้งวัสดุประเภทไม้ กระจก และอะลูมิเนียม ได้อย่างลงตัว
ตัวอย่างความต่างแรกที่จะพาไปดูเลยก็คือ พื้นที่ส่วนกลางในส่วนรับรองแขกหรือบุคคลภายนอก ซึ่งเป็นส่วนของ Foyer หรือห้องโถงส่วนรับรองบุคคลภายนอก หรือผู้มาติดต่อทั่วไป ซึ่งจุดพิเศษของโครงการนี้คือ มี Foyer ไว้รับรองคนนอก ส่วนล็อบบี้ของที่นี่จะเป็น Security Lobby ที่อยู่บนชั้น 7 ซึ่งมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
อีกจุดหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ พื้นที่สีเขียว จะเห็นได้ว่าทางโครงการได้ให้ พื้นที่สีเขียวไว้ทั่วทั้งโครงการ เหมือนสวนแนวตั้งขนาดใหญ่ใจกลางเอกมัย ซึ่งแม้จะยังไม่เห็นภาพตัวอาคารทั้งหมด แต่สัมผัสได้เลยว่า คงจะร่มรื่นร่มเย็นเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนสุดๆ ใครมีคู่นี่ไม่ต้องไปสวีทที่ไหนให้ไกลเลย
บริเวณทางเข้าหน้าโครงการที่เล่นโทนสีสบายตา สีน้ำตาลของระแนงไม้ บันไดและโครงสร้างอาคาร สีเขียวจากพันธุ์พืช ตัดกับกระจกใสรอบโครงการ เสริมเติมแต่งด้วยสวนทั้งในแนวระนาบและสวนแนวตั้ง
นอกจากจะเปรียบเสมือนสวนแนวตั้งขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นสวนแนวตั้งขนาดใหญ่ที่ดีไซน์ให้มีการเล่นระดับ เพิ่มพื้นที่พักผ่อนและเปิดมุมมองรับวิวกรุงเทพฯ ในมุมสูงได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น มีการออกแบบให้มี พื้นที่สวนสีเขียวลอยฟ้า ยื่นออกมาเป็นระเบียงได้เป็นจังหวะ ผสานกลมกลืนกับโทนสีน้ำตาล เทา และกระจกใส
ซูมใกล้ๆ กับภาพตัวอย่างของ พื้นที่สีเขียวในบริเวณชั้น 6 ของโครงการ ซึ่งเป็นชั้นที่มีทั้งของลานจอดรถ และมีพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Social Zone และ Quiet Zone ซึ่งเป็นได้ทั้งพื้นที่พบปะ อ่านหนังสือ หรือนั่งประชุมส่วนกลาง มีทั้ง Indoor และ Outdoor ใต้ร่มไม้สีเขียว
ออกแบบเป็นชั้นบันไดเล่นระดับ มีมุมเล็กมุมน้อยให้เลือกนั่งได้มากมาย ส่วนของ Outdoor มีทั้งพืชพันธุ์สีเขียวทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ บ่อน้ำ และที่นั่งสอดแทรกอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะเป็นสีเขียวสบายตาแล้วยังเป็นม่านบดบังสายตาจากด้านนอก และเป็นเครื่องกรองอากาศธรรมชาติ ให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์กันได้อย่างเต็มปอด
ด้วยการออกแบบพื้นที่สีเขียวที่ค่อนข้างสวยงาม ทางโครงการจึงออกแบบให้ Social Zone & Quiet Zone เป็นห้องที่มีเพดานสูง ตกแต่งด้วยหน้าต่างกระจกทรงสูงรอบทิศเพื่อเปิดรับวิวจากด้านนอก ขณะเดียวกัน ภายในห้อง Social Zone & Quiet Zone ได้ออกแบบให้ดูหรูหราด้วยวัสดุประเภทไม้ กระจกแผ่นใหญ่ ตัดด้วยกรอบอะลูมิเนียมสีทองและสีดำ ตกแต่งด้วยหินอ่อนและหินแกรนิตลวดลายแปลกตา
จากภาพจะเห็นความหลากหลายของวัสดุตกแต่งได้ชัดเจน ท่ามกลางวิวสีเขียวจากธรรมชาติภายนอกโครงการ พร้อมด้วยแชนเดอร์เลียห้อยระย้าขนาดใหญ่ในรูปทรง free form
เมื่อมองจากด้านนอกเข้าไปยัง Social Zone & Quiet Zone ที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกันและเห็น Mood & Tone ของตัวโครงการได้เป็นอย่างดี
ต่อกันที่ชั้น 7 กับล็อบบี้หลักของตัวโครงการ ซึ่งชั้น 7 ทั้งชั้น ได้ออกแบบให้มีเพดานทรงสูง ตกแต่งคุมโทนด้วยวัสดุเดียวกับชั้นอื่นๆ เป็นหน้าต่างกระจกทรงสูงทั้งชั้น เพิ่มความหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ โคมไฟ และแชนเดอร์เลียร์ในสไตล์เรียบหรู มีที่นั่งทั้งในส่วนกลางและมุมที่ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น เสมือนเป็นชานบ้านรับรองแขกคนสนิทที่มาเยือน
จุดสำคัญของล็อบบี้ของโครงการก็คือ เป็น ล็อบบี้ที่อยู่ชั้น 7 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับลูกบ้านไว้ใช้รับรองแขกคนพิเศษเท่านั้น ถ้าเปรียบเสมือนเป็นบ้าน ล็อบบี้นี้ก็คงเป็นเสมือนห้องรับแขกห้องที่ 2 ที่มีความเป็นส่วนตัว คนภายนอกเข้าถึงยาก และปลอดภัยที่จะพูดคุยอย่างเป็นส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งการมีล็อบบี้แบบนี้ช่วยให้เราไม่จำเป็นต้องพาแขกเข้าไปในห้องของเราเลย
ส่วนถัดมาซึ่งเชื่อมติดกับโซนล็อบบี้ก็คือ “ชานบ้าน” ที่เป็นห้องรับรองโซน Semi-outdoor ที่ผสมผสานความเป็นไทยได้อย่างร่วมสมัยกับบานพับกระจกทรงสูง เปิดปิดได้ตลอดแนว
Tea Pavillion ที่อยู่มุมตึก ตกแต่งด้วยกระจกทรงสูง เปิดรับวิวกรุงเทพฯ ได้ 270 องศา ภายในตกแต่งด้วยวัสดุประเภทหินแกรนิตลวดลายคุมโทนเดียวกันทั้งอาคาร ผนังปูด้วยแผ่นไม้ เฟอร์นิเจอร์โทนสีครีมเทา เพิ่มความหรูหราด้วยโคมไฟ และของตกแต่งโทนสีทอง
อีกมุมของ Tea Pavillion ที่โชว์ให้เห็นถึงความอลังการของวิวกรุงเทพฯ ด้วยกระจกทรงสูงบานใหญ่ ตกแต่งด้วยเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำมาจากไม้ขนาดใหญ่โชว์ตาไม้และผิวสัมผัสแบบธรรมชาติ แถมด้วยแชนเดอร์เลียกิ่งไม้รูปทรงธรรมชาติ นำมาประดับตกแต่งด้วยหลอดไฟ ก็กลายเป็นแชนเดอร์เลียดีไซน์แปลกตาสุดๆ
อีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการ ก็เห็นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางในชั้น 31 และ 32 ที่มีทั้งฟิตเนสลอยฟ้าแบบเปิดรับวิวได้ 360 องศา มีทั้งโซนอุปกรณ์และห้องโยคะ แบ่งกั้นส่วนด้วยประตูกระจกบานพับทรงสูง
จุดไฮไลท์ของตัวโครงการนั่นคือ พื้นที่ส่วนกลางของโครงการทั้ง 3 ชั้นบนสุด ได้แก่ ชั้น 31-32 และชั้นดาดฟ้า โดยชั้น 31 เป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ที่สามารถว่ายวนเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบโครงการ ตัวสระเป็นแบบ Semi-outdoor แต่มีชั้น 32 ด้านบนช่วยกันแสงกันแดดในตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ชั้น 32 และชั้นดาดฟ้าก็รับวิวได้รอบทิศเช่นกัน แต่เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งกระจกทรงสูงและกำแพงแบบโปร่ง
ด้านข้างริมสระว่ายน้ำทำเป็น Honeymoon Sunken ที่นั่งพักผ่อนริมสระแบบหันหน้าออกนอกอาคาร เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยที่นั่งแบบ Sunken หรือที่นั่งที่ลดระดับให้ต่ำกว่าพื้น สามารถชมวิวได้แบบเต็มๆ ตา
และอีกจุดชมวิวที่อินเทรนด์สุดๆ อย่าง Pocket Deck ที่เป็นชานยื่นลอยไปในอากาศ ด้านล่างเป็นพื้นกระจก สามารถชมวิวได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง ไม่ต้องไปต่อคิวขึ้นตึกสูงที่อื่นให้วุ่นวาย
และสุดท้ายก็คือ สวนสีเขียวบนดาดฟ้าชั้นบนสุดของโครงการ จากภาพตัวอย่างด้านล่างเห็นได้ว่าทางโครงการออกแบบให้เปิดรับวิวได้แบบจัดเต็ม ในขณะที่ยังมีความปลอดภัย ด้วยการใช้กำแพงสูงที่โปร่งโล่ง มองทะลุเห็นวิวรอบๆ ได้เต็มที่ พร้อมด้วยที่นั่งพักรับชมวิวเมือง
Rhythm Ekkamai Estate “ให้คุณสัมผัสความรู้สึกเหมือนบ้าน”
จากส่วนกลางขยับเข้ามาสู่ความเป็นส่วนตัวกับงานดีไซน์ห้องพักอาศัย ซึ่งมีทั้งหมด 303 ยูนิต มีแบบห้องให้เลือก 4 แบบหลักๆ คือ
• 1 Bedroom แบ่งเป็น 1 Bedroom 35 ตร.ม. และ 1 Bedroom Plus 39.5 - 40 ตร.ม.
• 2 ห้องนอน แบ่งเป็น 2 Bedroom 74.5 - 86.5 ตร.ม. และ 2 Bedroom Duplex 64 - 129.5 ตร.ม.
• Sky Villa 109 - 121 ตร.ม.
• PENTHOUSE 100 - 177 ตร.ม.
ภาพแรกเป็นมุมเจาะของโซนรับแขก ที่อยู่ติดกับริมหน้าต่างกระจกทรงสูง วัสดุภายในห้องมีทั้งพื้น Hybrid Engineering Wood ผนังตกแต่งด้วยหินแกรนิต ไม้ และอะลูมิเนียม คุมโทนน้ำตาล ครีม และความแวววับจากวัสดุประเภทอะลูมิเนียม
อีกมุมนึงเป็นภาพมุมกว้าง ของห้องรับแขกที่อยู่ติดกับโซนครัว ขณะที่อีกด้านก็ติดกับหน้าต่างทรงสูงเปิดรับวิวกรุงเทพฯ ได้แบบเป็นส่วนตัว ถ้าลองซูมใกล้ๆ จะเห็นว่า ทางโครงการออกแบบให้มีบานเลื่อนอยู่ด้านข้างห้องรับแขก สามารถปิดกั้นห้องให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว นั่งทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือ กันเสียงรบกวนจากด้านนอกได้ด้วย
ส่วนงานดีไซน์ในโซนครัวเป็นสไตล์ฝรั่งจ๋า ไม่เหมะสำหรับงานครัวหนักๆ แต่สังเกตจากภาพก็รู้สึกได้ทั้งงานดีไซน์และวัสดุค่อนข้างหรูหราและทนทานทีเดียว (ถ้าจะทำครัวหนัก ที่โครงการมีรูปแบบครัวปิดให้เลือกด้วย)
ปิดท้ายด้วยโซนสุดท้าย ที่ทางโครงการเปิดภาพมาให้ดูนั่นก็คือ ส่วนของห้องนอน ซึ่งจากภาพจะเห็นภาพรวมของทั้งห้อง ทั้งส่วนห้องครัว ห้องรับแขก และห้องนอน
ภาพของ Master Bedroom ที่ดีไซน์ให้อยู่ติดริมหน้าต่างกระจกทรงสูง เปิดรับวิวได้ทั้งในกลางวันกลางคืน ด้านข้างมีพื้นที่มากพอที่จะทำเป็น Mini Walk-in Closet สามารถกั้นพื้นที่ให้เป็นส่วนห้องนอน และส่วนแต่งตัวได้สบายๆ และที่เห็นประตูสีขาวก็คาดว่า เป็นประตูห้องน้ำซึ่งยังไม่มีภาพปล่อยมาให้ดูกัน
ห้องนอนเล็กที่ถือว่ายังดูหรูหราอยู่ดี ด้วยสไตล์การตกแต่ง วัสดุที่ใช้ และที่สำคัญคือมีกระจกทรงสูงเปิดรับวิวด้านนอกได้แบบจุใจ ซึ่งคงต้องรอดูกันอีกทีว่าแปลนห้องแต่ละแบบจะเป็นอย่างไร
แม้จะยังไม่มีภาพเต็มของตัวโครงการ แต่แค่ภาพตัวอย่างก็เรียกน้ำย่อยได้พอสมควร ซึ่งตอนนี้ก็ได้ข่าวมาว่า ราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 6.5 ล้านบาท
ใครที่อยากได้บ้านกลางเมืองแต่งบไม่ถึง ลองเปิดโอกาสให้โครงการ Rhythm Ekkamai Estate เข้าไปนั่งอยู่กลางใจดู เพราะเชื่อเถอะว่า แม้จะเป็นคอนโด แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ต่างจากการอาศัยอยู่ในบ้านสักหลัง แถมที่สำคัญคือ ราคาคุ้มค่าขนาดนี้ คงหาไม่ได้อีกแล้วในใจกลางเอกมัย
เตรียมตัวพบกันได้ที่งานเปิดตัว Exclusive launch ชั้น 1 แฟชั่นฮอลล์ ที่สยามพารากอน ในวันที่ 21-24 มีนาคมนี้ หรือลงทะเบียนเพื่อ รับสิทธิพิเศษสูงสุด 300,000 บาท ได้ที่ https://bit.ly/2NkhntI สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1623
Livinginsider - Weekly Insight Report [08-14 Dec 2024]
2024-12-15
Aspire อิสรภาพ สเตชั่น คอนโดหนึ่งเดียวบนถนนวังเดิม ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินเพียง 350 ม. พุ่งตรงสู่ CBD โดยไม่ต้องเปลี่ยนสาย ตอบโจทย์คนวัยทำงาน
2024-12-13
Livinginsider - Weekly Insight Report [01-07 Dec 2024]
2024-12-09
เตรียมพบกับ… Nirvana @WORK กรุงเทพกรีฑา โมเดิร์น โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น 6 ระดับ ติดมอลล์ Early Bird Booking ราคาพิเศษเริ่ม 13.99 ลบ.*
2024-12-05
Livinginsider - Weekly Insight Report [24-30 Nov 2024]
2024-12-02
ขอบคุณที่ทำเว็บดีๆ แบบนี้มาให้ได้อ่านกันนะคะ
งานดี มีคุณภาพมากๆ
รีวิวได้ดี วิเคราะห์ละเอียดมากจ๊ะ
รีวิวดี น่าติดตามมากค่ะ
ได้ความรู้มากๆเลยครับ
ไม่ต้องไปดูห้องจริงเลยค่ะ รีวิวแน่นมากค่ะ ทั้งข้อมูล และภาพ