ทำไมพื้นที่ EEC ถึงน่าจับตามองสำหรับนักลงทุน

ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้มีแผนการพัฒนา และต่อยอดพื้นที่ในฝั่งตะวันออก 3 จังหวัดด้วยกัน หรือพื้นที่ EEC (Eastern Economic Corridor) นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นแผนการพัฒนาเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดไทยแลนด์ 4.0 มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุน เช่นด้านอสังหาฯ โครงการ คอนโด และหมู่บ้านจัดสรร รวมถึงยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้นในระยะยาว โดยพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบไปด้วย ชลบุรี , ระยอง และ ฉะเชิงเทรา

แน่นอนว่า 3 จังหวัดนี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งรวมของระบบนิคมอุตสาหกรรม การขนส่ง รวมถึงมีสนามบินและท่าเรือที่มีตู้สินค้าเป็นจำนวนมากเป็นอันดับโลกเลยทีเดียว โดย EEC นับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเพราะสามารถเชื่อมต่อระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย ยาวไปจนถึงเกาหลีและญี่ปุ่น จึงไม่แปลกที่พื้นที่ทำเลนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ มาดูกันว่าอะไรบ้างที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่ EEC เป็นแหล่งน่าจับตามองในขณะนี้

พัฒนาระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร

เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาระบบโลจิสติกส์แบบจัดเต็มครบวงจร เชื่อมต่อทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น

• สร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบืนทั้ง ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา มูลค่ากว่า 159,000 ล้านบาท
• รถไฟฟ้าทางคู่เชื่อมแหล่งอุตสาหกรรมและท่าเรือ มูลค่ากว่า 64,300 ล้านบาท
• พัฒนาท่าเรือแหลมฉบังมูลค่ากว่า 88,000 ล้านบาท
• พัฒนาท่าเรือมาบตาพุดมูลค่ากว่า 10,150 ล้านบาท
• ก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทางมูลค่ากว่า 35,300 ล้านบาท
• พัฒนาเมืองในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรามูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท
• ลงทุนด้านการท่องเที่ยวมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาท
• พัฒนาเขตนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและลงทุนกับอุตสาหกรรมเป้าหมายมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท

ขอบคุณข้อมูลจาก : ลงทุนแมน

กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์จาก EEC

แน่นอนว่าพื้นที่ EEC เป็นการยกระดับธุรกิจที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ SMEs , Suppliers รวมถึง Start Up อีกด้วย โดย 10 อุตสาหกรรมมีดังต่อไปนี้

แบ่งเป็นส่วนอุตสาหกรรมดั้งเดิม คือ

• อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ (Automative)
• อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Intelligent Electronics)
• อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีเชิงสุขภาพ (Tourism)
• อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ (Advance Agriculture and Biotechnology)
• อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (Food Processing)

อุตสาหกรรมในอนาคต คือ

• หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (Advance Robotics)
• อุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ (Aviation and Logistics)
• อุตสาหกรรมอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
• อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemical)
• อุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital Technology)

สิทธิพิเศษด้านภาษีในพื้นที่ EEC 

แน่นอนว่าเป็นพื้นที่ส่งเสริมเศรษฐกิจอันดับประเทศขนาดนี้ โดยการลงทุนในพื้นที่ EEC จะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีในบางธุรกิจในแผนไทยแลนด์ 4.0 ไม่ว่าจะเป็น

• ยกเว้นภาษีสูงสุดไม่เกิน 15 ปี ในอุตสาหกรรมเป้าหมายและการลงทุนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ EEC 
• ลดหย่อนภาษี 50% สำหรับการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ EEC รวมถึงงานวิจัย

นักลงทุนชาวต่างชาติปักหมุดพื้นที่ EEC 

พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบแน่นอนว่ามีโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกไม่ว่าจะเป็น Nissan , Toyota , BMW แต่ไม่ใช่แค่อุตสาหกรรมยานยต์เท่านั้นยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศจีนอย่าง Alibaba บริษัท E-commernce ยักษ์ใหญ่ของโลกกำลังทำการสร้างฮับ E-commernce และโลจิสติกส์ในพื้นที่ EEC นี้เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางการส่งออกในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงยังมีอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซูมิโตโม่ อิเล็กทรอนิกส์ วินเทค ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ยานยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเครื่องจักรกลและหุ่นยนต์กำลังเปิดศูนย์บุคลากรผู้เชียวชาญด้านอิเล็กทรอนิกส์ และมีการร่วมมือกันระหว่างการบินไทยและบริษัท Airbus เพื่อพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา นี่จึงเป็นการช่วยตอกย้ำว่าทำเลในพื้นที่ EEC ไปไกลถึงระดับโลก

นี่เป็นโครงการยักษ์ใหญ่เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่กำลังจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทยอย่างแท้จริง ด้วยปัจจัยต่างๆ ที่สนับสนุนธุรกิจในพื้นที่นี้ ที่นี่จึงเป็นทำเลน่าจับตามองสำหรับนักลงทุนเพื่อการทำธุรกิจซึ่งไม่ใช่แค่ธุรกิจยักษ์ใหญ่เท่านั้น ยังเปิดโอกาสในธุรกิจ SME และ Start Up ให้เติบโตขึ้นได้ครับ