Favorite
การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันของคนเมืองได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆ ตามสมัยนิยมซึ่งการเลือกใช้สินค้าของคนในยุคปัจจุบันแน่นอนว่าต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นเราจึงจะยอมจ่ายเพื่อสิ่งนั้นๆ รวมไปถึงในเรื่องการเลือกที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน ทุกคนต่างต้องการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรอบด้าน เป็น Best Location ซึ่งถ้าจะซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบ Freehold (แบบซื้อขาด) บนโลเคชั่นขนาดนี้แน่นอนว่าจะต้องยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าเกือบเท่าตัว รวมไปถึงโครงการ Freehold บนทำเลที่เป็น The Best ก็ลดลงเรื่อยๆ ไม่ได้หามาได้ง่ายๆ รวมถึงเป็นที่ดินของรัฐไม่สามารถซื้อขาดได้
แต่ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ของการอยู่อาศัยของคนเมืองก็คืออสังหาฯ ในรูปแบบ Leasehold เป็นรูปแบบการอยู่อาศัยแบบเช่าระยะยาวโดยส่วนมากระยะเวลาการถือครองอยู่ที่ประมาณ 30-40 ปี แต่ถ้ามีบางโครงการต่อสัญญายืดไปได้อีก ก็ถือว่าเป็นกำไรเหนาะๆ เลย ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะคิดว่า "อ้าว ! จ่ายเงินทั้งทีทำไมไม่เลือกอสังหาฯ ในรูปแบบ Freehold ซื้อขาดไปเลยจะมาเช่าอยู่ทำไม?" บอกเลยครับว่าอสังหาฯ แบบ Leasehold มีอะไรมากกว่านั้น แล้วปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่ทำให้โครงการ Leasehold เป็นเทรนด์ที่โดดเด่นในยุคสมัยนี้ เรามาหาคำตอบกันครับ
Leasehold มักอยู่บนทำเลทอง
การซื้อโครงการ Leasehold ไม่ใช่แค่การเช่าที่อยู่อาศัยแต่เป็นการซื้อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบใจกลางเมืองที่พร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วโครงการ Leasehold จะอยู่บนย่านจุดศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) จึงไม่ต้องห่วงเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกครับ ครบครันทุกอย่าง
Leasehold มีการพัฒนาตลอดเวลา
สำหรับ Freehold บางโครงการเมื่อเวลาผ่านไปหากนิติบุคคลไม่มีคุณภาพอาจทำให้โครงการเกิดความเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ ทำให้ราคาตกหากจะซื้อเพื่อลงทุน แต่ในส่วนของ Leasehold บางแห่งจะสร้างขึ้นในรูปแบบ Mixed use แน่นอนว่าจะได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องตามยุคสมัยตลอดช่วงอายุของโครงการนั้นๆ เพื่อที่จะทำให้มูลค่าไม่ลดลง แต่ทั้งนี้ควรวิเคราะห์ให้ดีหากจะลงทุนโครงการ Leasehold ว่าแต่ละบริษัทนั้นมีคุณภาพขนาดไหน
Leasehold มีราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัวในทำเลเดียวกัน
การซื้อโครงการแบบ Leasehold ส่วนใหญ่จะมีราคาถูกกว่าโครงการแบบ Freehold ถึง 40% บนทำเลเดียวกัน เหตุผลเพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินผืนนั้นๆ จึงไม่ต้องเสียค่าที่ดิน ซึ่งแน่นอนว่ายังมีเงินส่วนที่เหลือไปใช้เพื่อลงทุนเพื่อต่อยอดในรูปแบบอื่นๆ เพิ่มได้อีกครับ
ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้
โดยปกติแล้วกฏหมายไทยไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติถือกรรมสิทธิ์โดยเด็ดขาด ยกเว้นอสังหาฯ แบบ Leasehold นี่จึงเป็นอสังหาฯ ที่เหมาะแก่การลงทุนให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ด้วยการที่ Leasehold อยู่บนทำเลที่เป็น The Best จึงไม่แปลกที่จะมีชาวต่างชาติมาอยู่อาศัยในละแวกนั้นๆ เป็นจำนวนมาก รวมถึงเม็ดเงินลงทุนที่น้อยกว่าแบบ Freehold นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Leasehold ในการลงทุนปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติที่น่าสนใจเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มลูกค้าของโครงการ Leasehold ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ก็คือคนไทยที่มีกำลังทรัพย์อยู่พอสมควร เช่นต้องการซื้อเพื่อให้ลูกหลานอยู่อาศัยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นในระหว่างการศึกษา ฯลฯ และอีกกลุ่มคือชาวต่างชาติเพราะโครงการ Leasehold เป็นโครงการที่ชาวต่างชาติสามารถถือครองได้ไม่จำกัดบวกกับปัจจัยที่ Leasehold ในประเทศไทยราคาถูกกว่าหากเทียบกับต่างประเทศ เช่น Leasehold ในเซี่ยงไฮ้ราคาก็ปาเข้าไป 500,000 - 1,000,000 / ตร.ม. เข้าไปแล้ว จึงไม่แปลกที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่อาศัยในไทยยอมจ่าย
ทั้งนี้การที่จะเลือกอสังหาฯ แบบ Leasehold ก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนครับว่ามีความต้องการในรูปแบบไหน มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะลงทุนหรือไม่ เลือกลงทุนที่เหมาะกับตัวเองดีที่สุดครับ
ขอบคุณที่คอยอัพเดทข่าวสารให้ทราบค่ะ
ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
คือชอบมาก มีให้อ่านหลากหลายมาก
เขียนดีขนาดนี้ ไม่ต้องไปดูโครงการจริงแล้วมั่งคะเนี่ย