News
icon share

อสังหาฯ ดิ้นหาช่องขาย ผนึก ‘มหาวิทยาลัย’ ดูดกำลังซื้อไทย-ต่างชาติ

LivingInsider Report 2019-06-17 17:08:06
อสังหาฯ ดิ้นหาช่องขาย ผนึก ‘มหาวิทยาลัย’ ดูดกำลังซื้อไทย-ต่างชาติ

 

อสังหาฯขยายช่องทางการขาย ผนึกโรงเรียนนานาชาติ-มหาวิทยาลัยชื่อดัง ดูดลูกค้า ไทย-ต่างชาติ นายกสมาคมการขายฯ ระบุเทรนด์มาแรง

 

ปัจจุบันกลุ่มนักลงทุนยังเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นตลาดไทย โดยเฉพาะการเข้ามาลงทุนของคนชาติอาเซียน เช่น จีน ฮ่องกง กัมพูชา และเวียดนาม ที่ผูกติดกับการอยู่อาศัยระยะยาวและส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาต่อในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

 

นางอรุณี เทียมหงษ์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ กล่าวถึงแนวโน้มการลงทุน อสังหาฯของคนไทยและคนต่างชาติเพิ่มขึ้นทุกปี ผ่านโรงเรียนนานาชาติยอดนิยมและมหาวิทยาลัย เช่น ม.หอการค้าไทย, รังสิต, เอแบค เป็นต้น โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร, หัวเมืองใหญ่อย่างจังหวัดเชียงใหม่

 

ทำให้เกิดรูปแบบการซื้อ-ขายอสังหาฯแนวใหม่ เช่น การซื้อคอนโดมิเนียมในไทยสามารถส่งบุตรหลาน เรียนในโรงเรียนนานาชาติได้ในเรตค่าเทอมเพียงครึ่งราคา และยังมีโอกาสได้วีซ่าอยู่ไทยในระยะยาวด้วย เพิ่มแรงดึงดูด โดยมีเอเยนซีคนกลาง (ได้ค่าแนะนำ) เป็นผู้วางโปรแกรมระหว่างสถาบันการศึกษาและดีเวลอปเปอร์ไทย คาดในอนาคตโมเดลดังกล่าวจะได้รับการตอบรับอย่างสูง

 

“จะเป็นส่วนกระตุ้นอสังหาฯและธุรกิจการศึกษาของไทยอย่างดีขณะนี้มีสถาบันอุดมศึกษาและโรงเรียนนานาชาติเข้ามาปรึกษาผ่านสมาคมจำนวนมาก เพื่อหาช่องทางดึงให้ชาวต่างชาติเข้ามาเรียนในไทยมากขึ้น”

อสังหาฯ ดิ้นหาช่องขาย ผนึก ‘มหาวิทยาลัย’ ดูดกำลังซื้อไทย-ต่างชาติ

 

อีกด้านขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเริ่มตกตํ่าหลายประเทศเริ่มนำทรัพย์ออกมาขายและเปิดช่องให้ผู้สนใจลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่ที่เป็นโอกาสสำหรับกลุ่มนักลงทุนไทย คือ การเข้าไปซื้อหรือลงทุนกลุ่มทรัพย์ในประเทศที่เปิดช่องพ่วงให้โอกาสสำหรับบุตรหลานเข้าเรียนต่อระดับไฮสกูลของรัฐบาลแบบฟรีๆ

 

ขณะเดียวกันก็ได้รับผลตอบแทนจากกิจการที่ลงทุนด้วยเช่นในสหรัฐ อเมริกา พบปัจจุบันมีครอบครัวคนไทยอาศัยอยู่ในรัฐฟลอลิดา เกิน 5,000 ครอบครัว มีบ้าน มีกิจการ ได้รับวีซ่าสำหรับผู้ทำธุรกิจด้วย โดยมีบริษัทเอเยนซีเป็นผู้ดำเนินการ จัดการให้ตั้งแต่ต้นจนจบตั้งแต่การติดต่อซื้อหาคำนวณผลตอบแทน จัดหาพนักงานรองรับและบริหารงานให้

 

ต่างจากในอดีตที่ต้องมีเงินลงทุนมากกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 15 ล้านบาท ถึงมีโอกาสเข้าทำกิจการและได้วีซ่าในสหรัฐฯ พบโมเดลการลงทุนเช่นนี้ เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับกลุ่มคนไทยระดับ B+ กลุ่มเจ้าของกิจการเล็ก-ใหญ่ มีรายได้ครอบครัวต่อเดือนมากกว่า 2 แสนบาท และต้องการส่งบุตรหลานเรียนในต่างประเทศทั้งในเมือง ชิคาโก บอสตัน ออร์แลนโด เป็นต้น 

 

ขอบคุณข่าวจาก ฐานเศรษฐกิจ

http://www.thansettakij.com/content/403204

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

Article Other

livinginsider livinginsider