Favorite
ห้องของคอนโดที่เราเห็นได้ทั่วๆ ไป จะเป็นห้องสี่เหลี่ยม หรือเรียกว่าแบบ Simplex แต่ความจริงแบบของห้องมีมากกว่านั้น ซึ่งปัจจุบันปี 2019 นี้ หลายโครงการก็นิยมทำกันมากขึ้น นั่นก็คือแบบ Loft และแบบ Duplex ซึ่งเป็นแบบสองชั้นทั้งคู่ แต่จะเป็นแบบไหนและแตกต่างยังไงรีบไปอ่านกันเถอะ!!!
ห้องแบบ Loft
เป็นห้องที่มีการก่อสร้างให้เพดานสูงกว่าปกติ โดยทำให้เหมือนดูเป็น 2 ชั้น แต่จริงๆ แล้วชั้นบนคือชั้นลอย ซึ่งชั้นแรกเค้ามักจะทำให้เพดานในส่วนของห้องนั่งเล่นสูงมาก ที่ควรจะเกิน 4 ม. เป็นอย่างน้อย เพื่อจะช่วยให้ห้องดูโปร่งมากยิ่งขึ้น
ขอบคุณภาพ : planete-deco
พอเขยิบขึ้นไปชั้น 2 (ขอเรียกเป็นชั้น 2 แทนชั้นลอยนะ) เริ่มตั้งแต่บันไดที่อาจไม่ได้มีพื้นที่กว้างนัก จึงต้องระมัดระวังในการเดิน ขณะที่ขนาดของพื้นที่ใช้สอยก็พอให้วางที่นอนและตู้เสื้อผ้าได้ แต่จะได้ความเป็นสัดเป็นส่วน ที่มีการแบ่งแยกจากส่วนอื่นๆ ของห้องแทน
ขอบคุณภาพ : teracee
ข้อดี
ที่รู้สึกว่าห้องสไตล์ Loft คุ้มค่าสุดคือ การเสียค่าส่วนกลาง จะเสียแค่ชั้นล่าง หรือก็คือเสียแค่เฉพาะพื้นที่ที่ออกโฉนด อย่างชั้นล่างขนาด 34 ตร.ม.+ ชั้น 2 ขนาด 20 ตร.ม. ก็คิดแค่ ขนาด 34 ตร.ม. เพราะเค้านับชั้นบนเป็นเฟอร์นิเจอร์ ไม่ได้คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้าง และอีกหนึ่งข้อดีก็อย่างที่บอกไปว่า พอมีเพดานที่สูงแล้วจะช่วยให้ห้องดูสว่างโล่งตามากกว่าเดิม
ขอบคุณภาพ : notreloft
ข้อเสีย
อันดับหนึ่งต้องเรื่อง ความปลอดภัยก่อนเลย เนื่องจาก ชั้นบนไม่มีทางออกสำหรับหนีไฟ มีแค่ชั้นล่างเท่านั้น ทำให้เวลาเกิดเหตุไฟไหม้จะทำให้หนีออกค่อนข้างลำบาก
ต่อมาคือ ความสูงของชั้น 2 ที่พอไม่ได้อยู่ในโฉนดแล้วทำให้ ไม่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์ความสูงของเพดาน จึงทำให้เพดานบางโครงการเตี้ยกว่า 2.4 ม. ก็จะทำให้แอบอึดอัดอยู่บ้าง แต่บางคอนโดก็ทำความสูงออกมาได้พอดี ทำให้ห้องดูน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ
สุดท้ายคงหนีไม่พ้นเรื่อง ค่าไฟ เพราะยิ่งห้องมีขนาดกว้างหรือสูงมากเท่าไหร่ การใช้แอร์ก็ยิ่งเพิ่มเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องเก็บมาคิดเท่าไหร่นัก
ขอบคุณภาพ : home-designing
ห้องแบบ Duplex
แน่นอนว่ายังคงเป็นคอนโดแบบ 2 ชั้น โดยห้อง Duplex จะมีทั้งห้องแบบเปิดโล่งเหมือนกับ Loft และห้องแบบที่ไม่มีพื้นที่เปิดโล่ง สำหรับเรื่องความสูงห้องๆ นั้นจะต้อง สูงเกินกว่า 5 ม. เพราะว่าชั้น 2 คิดเป็นส่วนของก่อสร้างและถูกกำหนดให้อยู่ในโฉนด ทำให้ตรงนี้จะถูกคิดค่าส่วนกลางด้วย
ขอบคุณภาพ : theloftssilom
ดังนั้นจะต้องทำความสูงให้ถูกกฎหมาย ซึ่งก็คือ ความสูงจากพื้นถึงพื้นไม่น้อยกว่า 2.6 ม. ส่วนชั้น 2 จากพื้นถึงเพดานก็ต้องไม่ต่ำกว่า 2.4 ม. นอกเหนือจากนี้ยัง มีประตูทั้ง 2 ชั้นเลย แต่ประตูหลักที่ใช้เข้า-ออกจะอยู่ที่ชั้นล่างเหมือนเดิม ส่วนชั้น 2 มีไว้ตามกฎหมาย และอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ บันได ซึ่งจะได้ตามมาตรฐาน มีความแข็งแรง กว้างขวาง ให้ผู้อยู่อาศัยได้ขึ้น-ลงสะดวก
ขอบคุณภาพ : knightsbridge-tiwanon
ข้อดี
ได้เรื่อง ความปลอดภัย ที่เวลาเกิดเหตุไฟไหม้ และเราอยู่ชั้น 2 ก็สามารถหนีออกทางประตูที่สร้างไว้ชั้นนั้นได้เลย โดยที่ไม่ต้องวิ่งลงมาออกข้างล่างให้เสียเวลา รวมถึง ความสูงของเพดาน ที่สร้างออกมาได้อย่างดี ไม่เตี้ยจนทำให้เดินลำบากเกินไป และช่วยให้ห้องดูกว้างขวางโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ถ้าเลือกห้องที่มีการปิดกั้นชัดเจน ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวแบบเต็มๆ ไม่ต่างกับการอยู่บ้าน
ข้อเสีย
ไม่ต่างจากห้องแบบ Loft นั่นคือ เรื่องของค่าไฟที่น่าจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าห้องแบบธรรมดา เพราะเมื่อมีห้องที่สูงมากๆ จะทำให้ต้องใช้แอร์ตัวใหญ่ขึ้น แอร์ทำงานหนักมากขึ้นตามขนาดของห้องนั่นเอง
ขอบคุณภาพ : bettys
ทั้งห้องแบบ Loft และแบบ Duplex ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียไม่เหมือนกัน รวมถึงเรื่องของราคาที่แบบ Duplex จะมีราคาสูงกว่าหน่อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวล้วนๆ ถ้า ใครมีงบไม่มาก แต่อยากได้ห้องที่เป็นสัดส่วนมากขึ้น แนะนำแบบ Loft แต่ถ้า ใครมีงบเหลือๆ ก็จัดห้องแบบ Duplex ไปเลยยยยย!!!
เนื้อหาสาระเน้นมาก เนื้อล้วนๆๆๆ
ดีมากๆเลยค่ะ ลงบ่อยๆนะคะ
เยี่ยมมากๆ ครับ น่าสนใจ FC เลยครับ
ไม่ต้องไปดูห้องจริงเลยค่ะ รีวิวแน่นมากค่ะ ทั้งข้อมูล และภาพ