5 เทคนิคปลดหนี้บัตรเครดิตที่ควรรู้

บัตรเครดิตถือว่าเป็นเหมือนกับดาบสองคม แน่นอนว่าบัตรเครดิตเป็นตัวช่วยให้ใช้จ่ายได้สะดวก ผ่อนง่าย ถ้ารู้จักใช้ไม่รูดเพลินใช้ในเฉพาะเวลาจำเป็นก็จะเป็นข้อดีสำหรับผู้ถือบัตร แต่บางทีก็รูดบัตรเพลินเกินไปก็เป็นหนี้ได้ง่ายเช่นกันเห็นบิลออกมาทีไรแทบจะหน้ามืด เงินเดือนออกมาแต่ละเดือนก็ต้องมีหนี้บัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเป็นแถว จนอาจทำให้เงินเดือนที่ได้มาแทบจะไม่พอใช้ต่อเดือนเลยทีเดียว แล้วก็ต้องรูดบัตรนี้เป็นหนี้ไปไม่รู้จักจบ 

แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยเราจัดการหนี้กวนใจนี้ได้ เรามาดูเคล็ดไม่ลับกับ 5 เทคนิคปลดหนี้บัตรเครดิตที่คุณควรรู้กันเลย

ลำดับการจ่ายหนี้

แน่นอนว่าการแก้ปัญหาอะไรก็แล้วแต่ต้องรู้จักปัญหานั้นๆ การชำระหนี้บัตรเครดิตก็เหมือนกันครับควรรู้จักหนี้ที่เรากำลังผ่อนให้ดี สำหรับใครที่มีหนี้สินอยู่หลายรายการเราควรพิจารณาหนี้สินแต่ละอย่างให้ดีซะก่อนว่าหนี้ตัวไหนดอกเบี้ยสูงและนำมาวางแผนลำดับการผ่อนต่อไป ซึ่งปัจจัยที่ควรพิจารณาเราแบ่งมาเป็น 5 ข้อที่ควรเช็คคือ

• รายการหนี้
• ยอดหนี้สินรวม
• ดอกเบี้ย
• ยอดชำระขั้นต่ำ
• ระยะเวลาการผ่อน

ปกติแล้วควรลำดับการจ่ายหนี้ให้ดีโดยดูจากปัจจัย 5 ข้อด้านบน ซึ่งควรลำดับการจ่ายหนี้ในตัวที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานอัตราดอกเบี้ยก็ยิ่งสูงขึ้นลำบากในระยะยาวได้ 

ต้องจ่ายมากกว่าขั้นต่ำ

ดอกเบี้ยบัตรเครดิตสว่นใหญ่จะคิดเป็นรายเดือนดังนั้นการปลดหนี้ให้เร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นั่นก็คือการจ่ายมากกว่าขั้นต่ำที่ทางธนาคารกำหนดต่อเดือน ยิ่งถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายๆ บัตรพร้อมกันเงินที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง ทำให้เงินเดือนที่ออกมากลับกลายเป็นเอามาจ่ายหนี้พร้อมดอกเบี้ยกันไม่มีวันจบ ซึ่งวิธีจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าขั้นต่ำ / เดือน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดดอกเบี้ยบานปลายได้ และควรเร่งจ่ายหนี้สินตัวที่ดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อนตามข้อ 1 

รีไฟแนนซ์บัตร

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นเหมือนการช่วยปรับโครงสร้างของหนี้สินให้จัดการได้ง่ายยิ่งขึ้น ลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีภาระหนี้สินที่สูงเกินไปและไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการผ่อนที่ชัดเจนได้ เช่น การมีบัตรเครดิตอยู่หลายใบและต้องการรวมหนี้เป็นก้อนเดียวเพื่อง่ายต่อการจัดการหนี้ได้ง่ายขึ้น เพราะการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตให้วงเงินสูงถึง 5 เท่าแต่ไม่เกิน (1-2 ล้านบาทแล้วแต่ธนาคาร) และมีระยะเวลาการผ่อนชำระกำหนดอย่างชัดเจน เช่น 12เดือน 24เดือน ไปจนถึง 72 เดือน แต่ต้องไม่เกิน 60 ปี ซึ่งวิธีนี้เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้ดีขึ้น และลดภาระหนี้สินส่วนหนึ่งได้ดีเลยทีเดียว

ขอต่อรองกับธนาคาร

การขอต่อรองกับธนาคารเป็นวิธีสุดท้ายหากจำเป็นจริงๆ ซึ่งการขอต่อรองหนี้สินกับธนาคารโอกาสที่จะได้อาจมีน้อยกว่าวิธีอื่นๆ การขอต่อรองหนี้สินกับธนาคารเช่น

• ขอขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ ช่วยให้ดอกเบี้ยแต่ละงวดลดลงได้บ้าง
• หยุดดอกเบี้ยชั่วคราว เพื่อผ่อนเงินต้นให้หมดเร็วที่สุด ควรเร่งปิดหนี้เงินต้นให้เร็วที่สุด
• ขอลดหนี้ค้างชำระ หากค้างชำระมาเป็นเวลานานทางธนาคารอาจเป็นผู้ยื่นข้อเสนอมาเอง

ทั้งนี้วิธีทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่อาจจะได้ผลน้อยกว่าวิธีอื่นๆ เป็นวิธีสุดท้ายที่ควรจะทำ และอาจจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเข้าไปอีกไม่ว่าจะเป็น ค่าปรับ ค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ฯลฯ ทั้งนี้ในกรณีที่ขอต่อรองได้ควรจะปลดหนี้ให้สำเร็จในระยะเวลานั้นๆ เพราะหากชำระหนี้ไม่ทันอาจถึงขั้นถูกฟ้องร้องได้

มีวินัยทางการเงิน

แน่นอนว่าปัญหากันไว้ดีกว่ามานั่งแก้ การสร้างวินัยทางการเงินที่ดีนี่แหละจะเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะไม่มีหนี้สิน ซึ่งวินัยทางการเงินก็ทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ 

• กำหนดงบประมาณรายรับ - รายจ่าย เป็นวิธีที่สามารถช่วยให้เรารู้จักควบคุมการใช้เงินได้มากขึ้น ด้วยการจดบันทึกรายรับที่ได้มาต่อเดือน และแบ่งประเภทรายจ่ายให้เป็นหมวดหมู่ให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดรายจ่ายที่ใช้จ่ายต่อวัน เป็นวิธีที่ทำง่ายๆ แต่ไกด้ผลจริงแต่ต้องมีวินัยด้วยนะ
• แบ่งเงินเก็บ อาจจะแบ่งจากรายได้ประจำเดือนมา 10-15% มาไว้เป็นเงินเก็บ ซึ่งเงินเก็บนี้เป็นส่วนสำคัญที่ต้องมีไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน 
• วางแผนการใช้เงิน วางลำดับเป้าหมายและกำหนดระยะเวลาในการใช้เงินก่อนโดยการวางแผนการใช้เงินด้วยช่วงอายุว่าช่วงอายุเท่าไหร่มีเป้าหมายจะมีอะไรเป็นของตัวเอง เช่น การดาวน์รถ,เริ่มผ่อนคอนโดฯ ฯลฯ ทั้งนี้ควรเลือกในราคาที่เหมาะสมกับรายได้ เพราะสิ่งเหล่านี้แหละที่จะเป็นหนี้ติดตัวเราไปตลอดหลายสิบปีเลย

การเป็นหนี้บัตรเครดิตถ้าไม่เร่งปลดหนี้อาจเกิดหนี้สินบานปลาย และดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นได้ ในอนาคต ทั้งนี้เราควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมด้วย 5 เทคนิคการปลดหนี้บัตรเครดิตที่ทุกคนควรรู้  ทั้งนี้ควรเริ่มลงมือทำจัดการกับปัญหาหนี้ได้อย่างจริงจัง เพื่อเริ่มต้นโอกาสในการใช้ชีวิตที่ไร้หนี้สินติดตัว