Favorite
กิจกรรมในบ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของเรา ส่วนใหญ่มักจะหาหนังดูเพื่อใช้เวลาร่วมกัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องเช่าหรือซื้อ DVD เพราะดูผ่านระบบออนไลน์กันหมดแล้ว และถ้าอยากดูให้ราบรื่นตั้งแต่ต้นจนจบ บอกเลยว่าอินเทอร์เน็ต นั้นสำคัญมาก แต่จะต้องใช้แบบไหน มีวิธีเลือกยังไงให้เราคุ้มค่ามากที่สุด เลื่อนลงไปอ่านต่อข้างล่างกันเถอะะะะะ
อินเทอร์เน็ตเจ้าไหนเข้าถึงบ้านเราบ้าง?
ตรวจสอบว่าบ้านที่เราจะซื้อหรือซื้ออยู่แล้ว มีแบรนด์ไหนเจ้าใดที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงพื้นที่บ้าง เพราะแต่ละแบรนด์ไม่ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีการเข้าถึงพื้นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแบรนด์ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตในไทย มีดังนี้ 3BB, AIS, True, TOT และ CAT Telecom ดังนั้นถ้าเราอยากรู้ว่าแบรนด์ที่สนใจเข้าถึงพื้นที่ที่เราอยู่อาศัยไหม สามารถเช็กได้โดยตรงที่แบรนด์นั้นๆ
สอบถามนิติบุคคลหรือเพื่อนบ้านที่อยู่มาก่อน
ถึงแม้ว่าทุกแบรนด์จะเข้าถึงพื้นที่ได้ก็จริง แต่จะมีแบรนด์ที่อินเทอร์เน็ตเสถียรที่สุดอย่างมากก็แค่ 1-2 แบรนด์ เราจึงต้องทำการสอบถามนิติบุคคลหรือเพื่อนบ้าน ว่ามีปัญหาอะไรบ้าง สัญญาณขาดหายบ่อยไหม เวลาเกิดเหตุขัดข้องใช้เวลาแก้ไขนานหรือไม่ อีกทั้งถ้าแบรนด์ไหนดีที่สุดและมีผู้ใช้บริการมากๆ ก็ทำให้ดึงสัญญาณกันไปมาจนทำให้เน็ตช้าได้ เราอาจต้องเลือกอันดับที่ดีรองลงมาแทน เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งกัน
ขอบคุณภาพ : wetzellanguages
สาย Fiber มีความเสถียรกว่า
หลายปีก่อนจะใช้สาย ADSL แต่เทคโนโลยีก็ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ ทางแบรนด์ต่างๆ เปลี่ยนมาใช้สาย Fiber กันแทบทั้งนั้น เพราะมีข้อดีมากกว่า ทั้งนำสัญญาณได้ไกลกว่า ส่งผ่านข้อมูลด้วยความเร็วสูง ไม่มีสัญญาณรบกวน และไม่เกิดการลัดวงจรอีกด้วย
วัตถุประสงค์ที่ใช้อินเทอร์เน็ต
เราต้องรู้ก่อนว่าจะใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตในการทำอะไร ถ้าเป็นคนที่ใช้งานน้อย เล่นเฟซบุ๊กบ้าง ไอจีบ้างไม่ได้บ่อยแต่ก็อยากได้เร็วประมาณหนึ่ง ก็ใช้ความเร็วขั้นพื้นฐานก็พอ 100/100 Mbps
แต่ถ้า ใครชอบดูหนังออนไลน์หรือสายเล่นเกม ซึ่งถือว่าใช้งานหนักหน่วงเลยทีเดียว เพราะหนังเรื่องหนึ่งอย่างต่ำก็ 2 ชม. กว่าจะโหลดเสร็จ ยิ่งถ้าเกมออนไลน์ด้วยแล้ว ถ้าจะให้เล่นแบบลื่นไหลไม่มีสะดุดล่ะก็ แนะนำใช้ความเร็ว 200/200 Mbps หรือ 300/300 Mbps
สุดท้ายคือในบ้านหนึ่งหลัง มีสมาชิกในครอบครัวมากกว่า 4 คนขึ้นไป จะมีการแชร์อินเทอร์เน็ตกันมากขึ้น บางคนเล่นเกม บางคนเล่นเฟซบุ๊ก หรือบางคนดูหนัง ทำให้มีการดาวน์โหลดที่หลากหลายในช่วงเวลาเดียวกัน จึงต้องใช้ความเร็วสูง 300/300 Mbps หรือ 500/500 Mbps
บริการหลังการขายจำเป็นเหมือนกัน
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญก็คือเรื่องนี้ เพราะหลายคนต้องเปลี่ยนค่ายย้ายไปมา ก็เนื่องมาจาก การบริการหลังการขาย นี่แหละ โดยตัวแบรนด์จะต้อง มีการใส่ใจลูกค้า ตัว contact center ต่อไม่กี่สายก็ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว มีการชดเชยค่าใช้จ่ายเวลาสัญญาณอินเทอร์เน็ตล่ม ซึ่งถ้าบริการได้ดีก็จะทำให้เราอยากใช้แบรนด์นั้นไปนานๆ
ขอบคุณภาพ : rawpixel
ราคา อินเทอร์เน็ต ของแต่ละแบรนด์จะมีราคาไม่หนีห่างกันเท่าไหร่นัก แต่ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นเสียมากกว่า ว่าจะมีอะไรที่พิเศษหรือได้ความเร็วเพิ่มไหมอะไรแบบนี้ และพอทำการสำรวจเรียบร้อยเราก็เลือกแบรนด์ที่จะตอบโจทย์เราได้ดีที่สุดได้เลย!
5 ประโยชน์จากน้ำส้มสายชู สู่บ้านสะอาดไร้กลิ่นไร้คราบ
2022-05-12
nahm จัดหนัก จัดใหญ่ เอาใจลูกค้า ขยายโปรโมชั่นดับร้อน nahm Summer Special
2017-05-25
รวมวิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในคอนโดฯ
2019-11-25
Chaw Cher สะท้อนความอบอุ่นของเฟอร์นิเจอร์ไม้ด้วยสไตล์ญี่ปุ่น
2017-07-19
Northerner ( นอร์ท-เทอร์-เนอร์ )
2018-06-22
ขอบคุณบทความแนะนำการกู็ซื้อบ้านมากค่ะ
ขอบคุณที่ทำรีวิวดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
นักเขียนมืออาชีพ งานคุณภาพและมีประโยชน์มากค่ะ
ครบทั้งข้อมูลโครงการ ทั้งข่าวอสังหาคัฟ สุดยอด
ได้ประโยชน์มากๆ อ่านสนุกดี