Favorite
หากจะกล่าวถึงหนึ่งในทำเลที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นสุดยอดทำเลใจกลางเมืองของสยามประเทศ ผมรับรองได้ว่า ต้องมีชื่อ อโศก อยู่ในนั้นแน่นอน ด้วยจุดเชื่อมต่อ Interchange ของทั้ง BTS X MRT ที่มาบรรจบกัน ทำให้นี่เป็น Transpotation ระดับ International Hub เลยก็ว่าได้
อีกทั้งยังเป็นย่านที่เรียกได้ว่า รวมแหล่งไลฟ์สไตล์กิน ช้อป เที่ยวเอาไว้ครบเครื่อง ถ้าเป็นห้างสรรพสินค้าก็ต้องยกให้ Terminal 21 หรือถ้าเลยไปอีกเพียงสถานีเดียวก็จะเจอกับ Emquatier รวมถึง Emporium และก็ยังมีตลาดนัดขนาดใหญ่อย่าง ตลาดรวมทรัพย์ ของกินอร่อยเยอะมาก ทำให้เป็นที่ชื่นชอบทั้งกลุ่มคนวัยเรียนและวัยทำงาน
นอกจากนี้ย่านอโศก รายล้อมไปด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงคาเฟ่อีกเพียบ มีครบทุกรสชาติทุกสัญชาติ อย่างร้านอาหารไทย ข้าวแกง อาหารตามสั่ง อาหารอีสาน อาหารจีน เป็ดปักกิ่ง ติ่มซำ เสี่ยวหลงเปา อาหารญี่ปุ่น ชาบู ทงคัสซึ ราเมง ซูชิ อาหารฝรั่ง สเต็ก แฮมเบอร์เกอร์ อาหารอิตาเลี่ยน พิซซ่า สปาเก็ตตี้ แม้แต่ คาเฟ่ร้านขนมร้านกาแฟ ก็มีให้เลือกทานไม่น้อย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ตามตรอกซอกซอยในย่านอโศกทั้งสิ้น
ขอบคุณภาพ : SizeScafe/bkkmenu/KenshinIzakaya
ที่สำคัญ อโศก ยังเป็นทำเลที่มีบริษัทและสำนักงานออฟฟิศอยู่เยอะที่สุดในกรุงเทพฯ คือถ้าเทียบเป็นพื้นที่ก็ประมาณล้านกว่าตารางเมตรได้ เช่น บริษัทจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อาคารเอ็กซ์เชนจ์ทาวเวอร์ อาคารอินเตอร์เชนจ์ อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์2 อาคารฟิโก้เพลส เป็นต้น รวมไปถึงโรงแรมชื่อดังอีกหลายแห่ง
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยและโรงเรียน ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร หรือ มศว โรงเรียนสาธิต มศว โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์ดอมินิก และ NIST International School นี่ยังไม่รวมถึงโรงพยาบาลชั้นนำอีกจำนวนมากที่อยู่ย่านนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีแค่สิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว แล้วจะทำให้ย่านนี้น่าสนใจเพราะการมี ธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน สวนเบญจกิติ สวนสาธารณะพื้นที่สีเขียวและบึงน้ำขนาดใหญ่รวมกว่า 130 ไร่ เป็นสถานที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนหรือวิ่งออกกำลังกาย ช่วยให้บรรยากาศโดยรอบน่าอยู่มากยิ่งขึ้น
ความหลากหลายทั้งหมดทั้งมวล ถูกผสมผสานเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวกลมกล่อม จึงไม่แปลกใจถ้า อโศก จะกลายเป็นทำเลที่ใครหลายคนอยากเลือกและฝันจะมาอยู่อาศัย และแน่นอนว่า ทำเลที่ perfect ขนาดนี้ ราคาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดก็ต้องแพงเป็นอันดับต้นๆของประเทศเช่นกัน แต่....
ใครจะเชื่อว่าวันนี้ คุณจะได้เป็นเจ้าของ Ashton Asoke หนึ่งในสุดยอดคอนโดทำเลดีที่สุดของสยามประเทศ ในราคาที่พลาดแล้วจะมาร้องขออีกไม่ได้
แอชตัน อโศก (Ashton Asoke) จัดเป็นโครงการที่อยู่บนทำเล ที่เรียกได้ว่าสุดยอดของประเทศเราจริงๆครับ เพราะอยู่แทบจะติดทางเข้ารถไฟฟ้ากันเลยทีเดียว และจุดนี้คือสถานี interchange ด้วยนะครับ นั่นหมายความว่า คุณจะได้ทั้ง BTS และ MRT อยู่ที่หน้าคอนโดคุณกันเลย
หรือจะออกถนนรัชดาภิเษกวิ่งเข้าพระราม4 ไปสีลม สาทร และยังสามารถไป จุดขึ้น-ลงทางด่วนเฉลิมมหานคร ส่วนท้ายซอยของถนนอโศกจะไปบรรจบกับ ถนนเพชรบุรี เพื่อเข้าแยกพระราม9 และถนนดินแดง ซึ่งตรงนี้จะมี ทางด่วนศรีรัช อีกหนึ่งจุดทำให้การสัญจรไปรอบกรุงเทพฯ เป็นเรื่องที่สะดวกสบาย
ไม่ใช่แค่อยู่บนสุดยอดทำเลนะครับ ตัวโครงการก็สุดยอดมากๆด้วย โดยที่นี่เป็นคอนโด High Rise สูง 50 ชั้น บนที่ดินประมาณ 2-3-47.60 ไร่ ทั้งหมดจำนวน 783 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นอยู่ที่ประมาณ 20 ยูนิต ถือว่าให้ความเป็นส่วนตัวแก่ลูกบ้านได้อย่างพอเหมาะ โดดเด่นด้วยแนวคิด “Serenity Design” ตัวอาคารออกแบบเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบเรียบง่ายและเน้นสีเทาเข้มสีดำ แต่หรูหราเฉียบคมในทุกมุมมอง ให้สัมผัสความงดงามของเส้นขอบฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ แบบ 270 องศา
ขณะที่ Facility ถือเป็นหนึ่งไฮไลท์ของโครงการนี้ที่น่าสนใจไม่เบา สามารถจอดรถได้ 371 คัน หรือประมาณ 47% ลิฟต์โดยสารให้มา 6 ตัว นอกเหนือจากนี้ยังมี Semi Outdoor Lobby สำหรับให้แขกที่มาหานั่งรอหรือเราจะลงมานั่งเล่นก็ยังได้ ข้างนอกเป็นสวนปลูกต้นไม้น้อยใหญ่ คอยให้ร่มเงาไว้นั่งพักผ่อนที่ชั้น 1 และยังมีสวนอยู่อีก 2 จุด คือที่ชั้น 10 และชั้น 47 เลือกนั่งรับลมชมธรรมชาติกันได้แบบเต็มที่ และ Meeting Room ห้องประชุมไว้นัดพูดคุยนั่งทำงานกันได้แบบเป็นส่วนตัว
ที่ ชั้น 35 ประกอบด้วย Swimming Pool ขนาดใหญ่ ยาว 38 เมตร ว่ายออกกำลังกายได้แบบจริงจัง พร้อมด้วย Jacuzzi และ Seating Area ไว้นั่งชมวิว รวมถึงมี Kid’s Pool โดยชั้นนี้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างทั่วถึง ยิ่งตอนกลางคืนเห็นแสงไฟของตึกต่างๆ น่าจะยิ่งสวยเลยล่ะ
ส่วนอีกด้านเป็น Fitness กระจกโค้งใสทั้งแถบให้สามารถมองวิวเมืองได้เต็มสายตา ข้างๆ กันเป็น Steam Room และ Sauna Room
ถัดมาที่ ชั้น 35M จะมี Library ไว้นั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือจะนั่งเล่นนั่งชมวิวบรรยากาศกลางเมืองก็ได้ และ Social Club ห้องที่ช่วยให้ผ่อนคลายและสนุกสนานในวันว่าง
ด้านห้องพักของที่นี่จะมีทั้งหมด 2 แบบ คือ
1. 1 ห้องนอน ขนาด 30.50-35.50 ตารางเมตร
2. 2 ห้องนอน ขนาด 64.00-64.50 ตารางเมตร
โดยจะพาไปดูแบบ 1 ห้องนอน ทั้งหมด 2 ขนาดด้วยกัน ซึ่งทางโครงการขายแบบ Fully Fitted หลักๆ ที่ได้ก็จะมี Digital Door Lock, เครื่องปรับอากาศ, ตู้เก็บของบิวท์อินตรงทางเข้า ส่วนของห้องครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ
สตาร์ทกันที่ห้องแรก แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 34 ตารางเมตร ซึ่งจะเจอกับ ห้องครัวแบบเปิด เป็นอันดับแรก ด้านซ้ายมือเป็นตู้เก็บของเก็บรองเท้า ที่ทางโครงการบิวท์มาให้จนสุดเพดาน
ส่วนด้านขวามือ วางเคาน์เตอร์ครัว พร้อมบิวท์อินตู้เก็บของด้านบนมาให้เรียบร้อย โดยจะได้เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว และก่อนจะเข้าสู้พื้นที่ถัดไป จะมีสเปซเหลือสำหรับวางโต๊ะกินข้าวขนาดเล็กถึงกลาง 2 ที่นั่ง แต่ก็ยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สบายๆ
ติดกันเป็นส่วนของ ห้องนั่งเล่น โดยฝั่งทีวีเราสามารถออกแบบจะบิวท์อิน หรือเลือกชั้นวางทีวีมาก็ได้ทั้งนั้น และอีกฝั่งไว้วางโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่งกำลังดี พร้อมทั้งวางโต๊ะกลางได้อีกตัว ก็ยังมีพื้นที่ให้เดินได้สะดวก
เพื่อเดินไปยังส่วนของระเบียง ซึ่งเป็นแบบ Semi-Outdoor มีหน้าต่างปิดกั้นมาให้อีกชั้นหนึ่ง ที่บอกได้เลยว่ากว้างขวางพอสมควร
ย่างก้าวเข้า ห้องนอน โดยจะได้ประตูเป็นบานเลื่อนแบบทึบ เพิ่มความเป็นส่วนตัวในวันที่มีแขกมาหา หรือจะเปิดกว้างเพื่อให้ห้องดูโล่งมากยิ่งขึ้นในวันที่ต้องการความสบายๆ สามารถวางเตียง 5 ฟุต โต๊ะหัวเตียง และโต๊ะเครื่องแป้ง
ริมหน้าต่างมีมุมสำหรับวางโซฟา หรือโต๊ะทำงานขนาดไม่ใหญ่ได้แล้วแต่ความชอบ และด้วยหน้าต่างออกแบบให้มีความโค้ง ทำให้เทควิวได้กว้างมากกว่าเดิม
อีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของ Walk – in Closet บิวท์ตู้เสื้อผ้าได้ทั้งสองฝั่ง สาวๆ น่าจะชอบกันเลยล่ะ หรือถ้าอยู่เป็นคู่ก็ไม่ต้องแย่งกัน แถมจะแต่งตัวพร้อมกันก็ยังได้เพราะมีพื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะ
ก่อนจะไปสู่ ห้องน้ำ ที่ดูหรูหราเรียบง่ายไม่ต่างจากโซนอื่นๆ ของห้อง สุขภัณฑ์ก็ให้มาครบครันกระจกใหญ่เต็มผนัง โดยได้ Rain Shower เพิ่มมา และติดตั้ง Shower Box พร้อมใช้งาน
อีกห้องเป็น 1 ห้องนอน เหมือนกัน ขนาด 30 ตารางเมตร เล็กลงมาหน่อยแต่ยังคงความเป็นสัดส่วนเช่นเดิม ซึ่งเข้ามาเจอกับ ห้องครัวแบบเปิด ลักษณะการจัดวางเหมือนกับห้องข้างบน
ขณะที่ ห้องนั่งเล่น สลับการจัดวางตรงข้ามกันกับห้องแรก โดยฝั่งทีวีจะอยู่ติดกับฝั่งห้องนอนแทน โซฟาชิดเข้ากำแพงขนาด 2 ที่นั่ง หรือจะ 3 ที่นั่งก็ยังพอไหว เพราะริมสุดเป็นหน้าต่างเต็มบานแทนที่ระเบียง ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ห้องดูแคบแต่อย่างใด เพราะมีช่องแสงส่องเข้ามาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย จึงทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง
ด้าน ห้องนอน ได้เป็นประตูทึบที่ยังคงเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่ วางเตียงนอน 5 ฟุต พร้อมโต๊ะหัวเตียง โดยระเบียงจะอยู่ในส่วนของห้องนอนแทน ฝั่งตรงข้ามสามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้าได้ประมาณหนึ่ง พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งที่ทางโครงการออกแบบให้ดูเป็นไอเดีย
ห้องน้ำ เหมือนกับห้องแรกที่พาไปดู วัสดุสุขภัณฑ์ในห้องน้ำได้ครบเรียบร้อย ซึ่งตรงนี้ยังคงชอบกระจกเต็มผนังเหมือนเดิม
ทั้งหมดที่คุณเห็นมานั้น มาในราคาเริ่มต้นเพียง 7.49 ล้านบาท* ผมบอกเลยว่า ราคานี้ไม่มีทางจะได้พบได้เจอกันอีกแล้ว หมดแล้วหมดเลย เพราะนี่คือ ราคาที่อนันดาจัดมาแบบเอาใจคนพร้อมจริงๆ ใครไม่พร้อมแต่อยากได้ ผมแนะนำว่าไปหาทางมาเอาให้ได้ครับ เพราะราคานี้โครงการเค้ายอมลดหนักจริงๆ
นี่เป็นเวลาของคนซื้อจริงๆครับ ดังนั้นมาดูกันเลย ห้ามพลาดเด็ดขาด สำหรับใครที่ไม่คิดจะซื้ออยู่เอง นี่ก็คือโอกาสลงทุนที่ดีมากๆเลยครับ เพราะที่นี่ 1 ห้องนอนสามารถปล่อยเช่าได้ตั้งแต่ 25,000-35,000 บาทต่อเดือนแบบมีคนมาต่อคิวรอเช่ากันเลย (Rental Yield อยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี นับว่าอยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว)
ใครสนใจรีบๆเลยครับ อาจได้โปรเพิ่มเติมอีกมากมาย ลองไปต่อกันดูครับ โดยทางโครงการมีโปรโมชั่นน่าสนใจมาเสิร์ฟ ในวันที่ 12-15 มี.ค.นี้ Golden Deals ยูนิตพิเศษ 1 ห้องนอนราคาเดียว 6.99* ล้าน พร้อมรับทองคำมูลค่าสูงสุด 10* บาท มองยังไงมองมุมไหนก็คุ้มค่าสุดๆ ไปเลย!! โดยคลิกลงทะเบียนได้นี่ >>> http://anan.ly/2rWkdi6
Livinginsider - Weekly Insight Report [10-16 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [03-09 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [27 Oct-02 Nov 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [20-26 Oct 2024]
2024-11-18
Livinginsider - Weekly Insight Report [13-19 Oct 2024]
2024-11-18
ชอบในการการลงบทความที่รวดเร็วค่ะ
ได้ประโยชน์ดีครับ
อ่านสนุกดีค่ะ ถึงแม้ส่วนตัวจะไม่ชอบอ่าน แต่บทความที่นี่อ่านได้เรื่อยๆเลยค่ะ