Favorite
การเงินเป็นเรื่องที่ทุกคนอาจมึนหัวทุกครั้งที่พยายามทำความเข้าใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเลขปริมาณมหาศาล เยอะจนตาลาย ถ้าเลี่ยงได้ก็บายดีกว่า แต่บางครั้งมันก็ไม่ควรเลี่ยงนะครับ และจำเป็นต้องรู้จริง ๆ ไม่งั้นเราอาจเสียเปรียบคนอื่นได้
อย่างเรื่อง "ดอกเบี้ยเงินกู้" เนี่ยครับ ผมว่าคนที่ผ่อนบ้านอยู่หรือวางแผนจะซื้อบ้านต้องร้องอ๋อแน่นอน บางคนอาจคุยกับธนาคารแบบผ่าน ๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการต้องจ่ายดอกเบี้ยมหาศาลเลยนะครับ แต่ถ้าเราเข้าใจรายละเอียดของดอกเบี้ยเงินกู้ ก็จะทำให้เรามองภาพใหญ่ออกครับว่าต้องเดินตาไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด จ่ายน้อยที่สุด และกำไรสูงสุดตกอยู่ที่เราแทน
วันนี้ผมเลยจะมาสรุปให้ฟังแบบรวบรัดและเข้าใจง่ายครับว่า ดอกเบี้ยเงินกู้เนี่ย มันคืออะไร มีกี่แบบ อย่างไรบ้าง
ประเภทของอัตราดอกเบี้ย
ก่อนอื่นเลย เราต้องรู้ก่อนครับว่าอัตราดอกเบี้ยที่สถาบันการเงินเขาคิดกันเนี่ย มีกี่รูปแบบ รายละเอียดเป็นยังไง มีข้อมูลตรงไหนที่ควรรู้บ้าง โดยผมสรุปข้อมูลแบบเข้าใจง่ายมาให้แล้วครับ
อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารคิดจะเป็นแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา ไม่มีปรับเพิ่มหรือลดระหว่างผ่อนส่งครับ อย่างเช่น ถ้าในสัญญาเขียนไว้ว่า อัตราดอกเบี้ย 5% 10 ปี ก็หมายความว่าระหว่างผ่อนชำระจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ย ดอกเบี้ยเท่าเดิมจนกว่าจะผ่อนหมดนั่นเอง
อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกำหนดตามต้นทุนในแต่ละช่วงเวลาครับ ซึ่งดอกเบี้ยตัวนี้จะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดครับ เราสามารถดูอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวได้ตามเว็ปไซต์ของธนาคารต่าง ๆ ได้เลย หรือจะเข้าไปสอบถามที่สาขาก็เหมือนกันครับ
ซึ่งเวลาเราไปกู้เงินซื้อบ้าน ดอกเบี้ยบ้านที่ธนาคารเค้าคิดกันจะเป็นดอกเบี้ยแบบลอยตัวครับ อ๊ะ อ๊ะ แต่ยังไม่จบแค่นี้นะครับ เพราะดอกเบี้ยแบบลอยตัวเนี่ย แบ่งได้อีก 3 แบบด้วยกันครับ คือ
1. Minimum Loan Rate : MLR
ดอกเบี้ยรูปแบบแรก จะเป็นดอกเบี้ยอัตราขั้นต่ำที่จะปล่อยให้สำหรับลูกค้าชั้นดีเท่านั้นครับ กิจการดี ประวัติการเงินดี ประวัติเครดิตดี มีหลักทรัพย์มากพอ เพราะงั้นส่วนใหญ่แล้ว ธนาคารเขาจะให้อัตราดอกเบี้ยแบบนี้กับพวกสินเชื่อธุรกิจครับ (คนธรรมดานี่ยากมากที่จะได้ดอกเบี้ยรูปแบบนี้ครับ)
2. Minimum Overdraft Rate : MOR
อันนี้จะเป็นดอกเบี้ยที่เอาไว้สำหรับลูกค้าประเภทเบิกเงินเกินบัญชีครับ ซึ่งยังคงเป็นดอกเบี้ยที่ธนาคารจะอนุมัติให้ลูกค้ารายใหญ่เครดิตดี อย่างพวกสินเชื่อธุรกิจเหมือนกับแบบ MLR นั่นแหละครับ
3. Minimum Retail Rate : MRR
มาถึงดอกเบี้ยแบบที่รายย่อยอย่างเราต้องเจอแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยรูปแบบนี้จะใช้สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไปครับ อย่างเรากู้ซื้อบ้าน หรือซื้อรถ สินเชื่อบัตรเครดิต ทางธนาคารก็จะคิดดอกเบี้ยรูปแบบนี้กับเราครับ ซึ่งดอกเบี้ยจะเป็นแบบลอยตัว เปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายของธนาคารแต่ละแห่งครับผม
นอกจากดอกเบี้ยแต่ละชนิดแล้ว เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ แม้จะกู้เงินจากธนาคารเดียวกัน เงินกู้ประเภทเดียวกัน แต่อัตราดอกเบี้ยของแต่ละคนอาจไม่เท่ากันนะครับ อย่างเช่น ถ้าผมกู้ซื้อบ้านจากธนาคาร ก. มา ทางธนาคารคิดดอกเบี้ยผม 5% แต่เพื่อนผมกู้ซื้อบ้านเหมือนกัน ธนาคารเดียวกัน ยอดเงินเท่ากัน แต่อาจโดนดอกเบี้ยแค่ 4% ก็ได้ครับ
เรื่องดอกเบี้ยนี่สำคัญนะครับ เราไปกู้เงินเขามาซื้อบ้าน เราก็จำเป็นต้องรู้ครับว่าเค้าคิดเราเพิ่มยังไง กี่เปอร์เซ็นต์ เราจะได้วางแผนการเงินของเราได้ว่าจะยังไงต่อดี ถ้าเราไม่สนใจ เค้าให้จ่ายเท่าไหร่ก็จ่ายไป แบบนี้เราจะเสียเปรียบครับ เพราะงั้น เลือกให้ดีก่อนตัดสินใจครับ
7 ฮวงจุ้ยการจัดห้องพระ เสริมสิริมงคลภายในบ้าน
2022-08-03
วัยรุ่นสร้างตัว วางแผนการเงินให้ดี
2019-09-18
20 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำรายได้และกำไร เท่าไหร่? ในครึ่งปีแรกของปี 2567
2024-09-02
ปัญหากวนใจจากต้นไม้เพื่อนบ้าน ใช้กฎหมายจัดการได้ไหม?
2024-06-21
เจาะเทรนด์ที่อยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ทำไมเลือกอยู่คอนโดมากกว่าอยู่บ้าน
2022-03-11
ดีคะ ไม่พูดมากเจ็บคอ
ขอบคุุณบทความดีดีค่ะ
น่าอยู่มากจ้าาาาา
สระน้ำกว้างมากเลย น่าเล่นน่าอยู่
ได้ไอเดียไปแต่งห้องตัวเองหลายอย่างเลย
สู้ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียน สร้างสรรค์ผลงานมีประโยชน์ออกมาเยอะๆ ครับ