Knowledge
icon share

Reverse Mortgage สินเชื่อย้อนกลับ สำหรับผู้สูงอายุ

NESSLE 2020-02-05 15:03:22
Reverse Mortgage สินเชื่อย้อนกลับ สำหรับผู้สูงอายุ

 

จะไม่ใช่แค่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ที่จะมีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น เพราะประเทศไทยเองก็มีผู้สูงอายุมากขึ้นเช่นเดียวกัน ประกอบกับการที่ในยุคปัจจุบันคู่สามี-ภรรยา มีลูกน้อยลงแค่ 1-2 คน หรือบางคู่ไม่มีลูกเลยด้วยซ้ำ จึงได้มีการจัดการเพื่อรองรับและสนับสนุนกลุ่มคนเหล่านี้ ที่เรียกว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ

 

Reverse Mortgage คืออะไร?

เป็นรูปแบบ สินเชื่อผู้อยู่อาศัยแบบย้อนกลับ หมายความว่า จากที่เราต้องกู้ซื้อบ้านกับธนาคารและทำการผ่อนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้ธนาคารจนกว่าจะครบ บ้านถึงเป็นกรรมสิทธิ์ของเราอย่างเต็มที่ แต่พอเป็น Reverse Mortgage ทางธนาคารจะเป็นผู้ซื้อบ้านของผู้สูงอายุ และเป็นผู้จ่ายเงินให้แทน โดยจะนำเงินให้เจ้าของบ้านทุกๆ เดือน 

 

แต่ผู้สูงอายุเหล่านี้จะสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหรือคอนโดนั้นได้ตามปกติ และยังคงต้องดูแลรักษาที่อยู่อาศัยให้อยู่สภาพที่ดี จนกว่าธนาคารจะจ่ายครบและหลังจากนั้นบ้านก็จะเป็นของทางธนาคาร ส่วนเรื่องการพิจารณาวงเงินที่ได้ ถ้าเป็นบ้านได้สูงสุดไม่เกิน 70% ของราคาประเมิน ส่วนคอนโดรู้สึกว่าได้ไม่เกิน 60% ของราคาประเมิน

Reverse Mortgage สินเชื่อย้อนกลับ สำหรับผู้สูงอายุ

 

เงื่อนไข Reverse Mortgage ที่ต้องรู้

1. บ้านที่ขายให้กับธนาคารจะต้องเป็น บ้านหรือคอนโดของผู้ขอสินเชื่อ รวมถึงต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตลอดช่วงระยะเวลาที่ได้รับเงินกู้ และที่สำคัญสินทรัพย์ที่ยื่นต้องปลอดหนี้ ไม่ติดจำนองใดๆ ทั้งสิ้น

 

2. ผู้กู้เป็นบุคคลธรรมดา สัญชาติไทย ไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ มีอายุตั้งแต่ 60 ปี และไม่เกิน 80 ปี

 

3. การรับเงินสินเชื่อ สามารถเลือกได้ทั้งแบบ ทยอยจ่ายเป็นรายเดือน ด้วยจำนวนเท่าๆ กัน มากขึ้นหรือน้อยลงในทุกๆ ปี จนกว่าจะเสียชีวิตหรือหมดสัญญา อีกแบบคือรับเป็นเงินก้อนทีเดียวจบ ก็แล้วแต่การตัดสินใจ โดยที่ผู้กู้ไม่ต้องจ่ายคืนจนกว่าจะเสียชีวิตหรือหมดสัญญา

 

4. ในกรณีที่ จ่ายเงินเป็นรายเดือน มีกำหนดภายในระยะเวลาไม่เกิน 25 ปี หรือจนกว่าผู้กู้จะมีอายุ 80-85 ปี ตามสัญญาหรือจนกว่าจะเสียชีวิต

 

5. หากมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นที่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อย่างพวกค่าสาธารณูปโภค ค่าส่วนกลาง ค่าประกันภัย ต้องชำระด้วยตนเอง แต่ถ้าไม่สามารถชำระได้เองทางธนาคารจะหักค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไว้ และตัวผู้กู้จะได้รับเงินต่อเดือนน้อยลง

 

6. เมื่อครบสัญญาหรือผู้กู้เสียชีวิต ธนาคารมีสิทธิ์ให้ออกจากบ้านได้ แต่เราสามารถขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติม หรือเลือกชำระหนี้เพื่อปิดบัญชีก็ยังได้ และตัวเลือกสุดท้ายคือการปล่อยให้ธนาคารขายที่อยู่อาศัยทิ้งไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสัญญาที่ได้ตกลงกับธนาคาร

 

7. หากสิ้นสุดสัญญาปรากฏว่า ธนาคารขายบ้านได้กำไร ธนาคารจะต้องคืนส่วนต่างให้กับผู้กู้ หรือทายาทที่กำหนดไว้ ตรงกันข้ามถ้า ขายขาดทุน ธนาคารไม่สามารถขอส่วนต่างจากทางผู้กู้ ได้อย่างเด็ดขาด

woman wearing yellow and pink floral dress wahing carrots

 

ธนาคารไหนมีสินเชื่อ Reverse Mortgage

ณ ตอนนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่ได้มีทุกธนาคาร ซึ่งจะมีเพียง 3 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ของการขอสินเชื่อ Reverse Mortgage จะแตกต่างกันไปตามแต่ละธนาคาร

Reverse Mortgage สินเชื่อย้อนกลับ สำหรับผู้สูงอายุ

 

ข้อดีของ Reverse Mortgage

สินเชื่อแบบย้อนกลับ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อผู้สูงอายุหรือกลุ่มคนวัยเกษียณ ซึ่งจะช่วยให้มีการหมุนเวียนเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยที่ไม่ต้องเดือดร้อนลูกหลานหรือต้องพึ่งพาใคร พร้อมกับยังมีบ้านอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่ได้บำเหน็จ บำนาญ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น

Small bakery business buying customer

ขอบคุณภาพ : rawpixel

 

ความเสี่ยง Reverse Mortgage มีไหม?

อย่างที่ใครๆ มักบอกกันว่า ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง Reverse Mortgage ก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกัน สำหรับความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ ถ้าในอนาคตดอกเบี้ยเกิดเพิ่มสูงขึ้น นั่นหมายความว่าเงินที่ได้รับในแต่ละเดือนก็จะน้อยลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันเมื่อหมดสัญญาแต่ผู้ขอสินเชื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็อาจต้องหาที่อยู่อาศัยและหารายได้ใหม่ ส่วนความเสี่ยงของทางธนาคาร แน่นอนว่าเมื่อครบสัญญา และต้องทำการขายบ้านทอดตลาด อาจไม่เพียงพอต่อการชำระเงินกู้ก็เป็นได้ หรือที่เรียกว่าขาดทุนนั่นเอง

เงิน, บ้าน, เหรียญ, การลงทุน, ธุรกิจ, การเงิน, ธนาคาร

 

การขอสินเชื่อแบบย้อนกลับ หรือ Reverse Mortgage นับว่าสามารถ ตอบโจทย์กลุ่มคนผู้สูงอายุได้มากทีเดียว ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความสุขในบั้นปลายชีวิต แต่ก็ต้องไม่ลืมวางแผนใช้จ่ายเงินอย่างพอเหมาะ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย อีกทั้งก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดของแต่ละธนาคารให้ดี ทั้งในเรื่องของเงินที่ได้ ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องชำระ เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในภายหลัง

 

>> ช่องทางในการติดตามข่าวสาร <<
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @livinginsider ที่นี่

Article Other

livinginsider livinginsider