![Favorite](https://www.livinginsider.com/assets18/images/icon/mobile-more/fav2.png)
Favorite
เรามักจะพูดกันว่า แล้ววันนึงวิกฤตจะผ่านไป และทุกอย่างจะกลับสู่สภาพปกติ ผมอยากจะบอกว่าใช่ครับ วันนึงวิกฤตจะผ่านไป แต่ ! ไม่ใช่ทุกอย่างนะครับที่จะกลับไปเหมือนเดิม
เคยได้ยินเรื่องกฎ 21 วันไม๊ครับ ? เวลาเริ่มทำอะไรที่ไม่เคยทำ วันแรก ๆ จะรู้สึกอึดอัด ไม่อยากทำ บางคนพาลเลิกทำเอากลางทางซะดื้อ ๆ แต่ถ้าเราฝืนทำไปให้ได้เกิน 21 วัน โดยเฉพาะอะไรที่มันทำแล้วดีกับตัวเอง เรื่องนั้นจะกลายเป็นนิสัยใหม่ของเรา โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลย
จนถึงวันนี้ คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า วิกฤต COVID-19 จะอยู่กับเราเกิน 21 วัน เพราะฉะนั้นพฤติกรรมอะไรก็ตามที่เราเริ่มทำเพราะจำใจในช่วงเวลานี้ และมันดีกับตัวเรา มันจะกลายเป็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่าง "ถาวร"
1) คนเริ่มซื้อของ Online อย่างเต็มรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่ของใช้ในบ้านจาก Supermarket และแน่นอนว่า Food delivery กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเวลานี้
ช่วงหลายปีมานี้คนเริ่มซื้อของ Online กันมากขึ้นก็จริง แต่ถ้าดูจากตัวเลขจะเห็นเลยครับว่ายังมีคนอีกกลุ่มนึง (ใหญ่ๆ) ที่ยังเลือกซื้อของแบบเดิม ๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า "มันคุ้นเคยทำแบบนี้มานานแล้ว"
แต่หลังจากวิกฤตรอบนี้ ความคุ้นเคยที่ว่าจะเปลี่ยนไป การซื้อของ Online จะโตเร็วยิ่งกว่าที่เคย ในทุกกลุ่มสินค้า ไม่ใช่แค่เฉพาะบางกลุ่มสินค้าเหมือนช่วงก่อนวิกฤต
ขอบคุณภาพจาก youtube.com
2) Digital currency จะถูกใช้กันจนกลายเป็นความเคยชิน และเติบโตเร็วกว่าที่เคย
เงิน Digital โดยพื้นฐานก็ดีกว่าเงินกระดาษอยู่แล้ว สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สะอาด ไม่ต้องเปลืองกระดาษ สามารถจ่ายเศษเงินย่อยเท่าไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทอนและเหรียญ แต่ที่ผ่านมาคนยังไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยเหตุผลเดิม นั่นก็คือ "มันคุ้นเคย ใช้เงินกระดาษมาตั้งนานแล้ว" แน่นอนครับว่าหลังจากวิกฤตนี้ ความคุ้นเคยจะเปลี่ยนไป
ด้วยศักยภาพของเงิน Digital ที่ดีกว่าเงินกระดาษ มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบทางเดียว ใครก็ตาม เมืองไหนก็ตาม ที่เปลี่ยนไปใช้เงิน Digital แล้ว จะไม่เปลี่ยนกลับไปใช้เงินกระดาษอีกเลย
อันนี้ไม่ใช่แค่การคาดการณ์นะครับ มันเป็น Fact ไปแล้ว เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ในหลายประเทศทั่วโลก อย่างผมเองก็ไม่มีเงินกระดาษในกระเป๋ามา 3 เดือนแล้ว แต่ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ 100%
ขอบคุณภาพจาก proactiveinvestors.com
3) จริง ๆ เราไม่ต้องทำงานที่ทำงานก็ได้นี่หว่า !
ผมเชื่อเหลือเกินว่าจะมีคนหลายคน บริษัทหลายบริษัท มีความคิดนี้ขึ้นมาในหัว ในช่วงที่ Working from home
Working from home ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ มีการคุยกันมานานแล้ว ว่าทำไมเราต้องให้พนักงานมาออฟฟิศถึง 5 วันต่อสัปดาห์ เสียทั้งเงินและเวลาในการเดินทาง แต่มีน้อยบริษัทมากครับที่จะกล้าเอาเรื่องที่คุยไปใช้จริง นั่นเพราะว่าเราไม่เคยทำมาก่อน และไม่รู้ว่าถ้าทำแล้ว ผลจะเป็นยังไง แถมยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่ได้ บริษัทส่วนใหญ่เลยหยุด Idea นี้ไว้แค่บนโต๊ะประชุม
แต่วิกฤตรอบนี้ทำให้เราได้ทำ Pilot run ของการ Working from home โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ ผู้บริหารจะมีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง การ Working from home ในบางวันของอาทิตย์ อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่สำหรับงานออฟฟิศนะครับ งานสัมมนา งานสอนพิเศษ Workshop ต่าง ๆ ก็เหมือนกัน หลายที่เริ่มปรับมาเป็น Online ในช่วงนี้ ผมเชื่อเลยครับว่า หลังจากวิกฤต หลาย ๆ งานจะยังคงมีการสอนผ่านช่องทาง Online ต่อไป เพราะทั้งคนสอนและคนเรียนคุ้นเคยกับการเรียนผ่านโลก Digital แล้ว
จริง ๆ ยังมีอีกหลายเรื่องนะครับ ที่พฤติกรรมของคนในสังคมกำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น Visual reality, Game online หรือแม้กระทั่ง Internet of things แต่ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ เดี๋ยวบทความจะยาวไป แต่ถ้าใครสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ Inbox มาคุยกันได้เลย
ก่อนจบบทความนี้ ผมจะขอชี้ให้เห็นถึงอีกหนึ่งเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภค แต่ก็กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาลเหมือนกัน นั่นก็คือ
"การกระจาย Resource ใหม่จากบริษัทที่ล้มลายไปสู่บริษัทที่รอดจากวิกฤต"
ทั้งเงินทุน ทั้งลูกค้า ทั้งทรัพยากรต่างๆ ทั้งที่ดินทำเลดี ๆ ทั้งพนักงานที่มีศักยภาพ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็น "ทรัพยากรที่มีจำกัด" นั่นหมายความว่า ถ้ามีบริษัทไหนล้มละลาย หรือยอมแพ้ออกจากตลาดไป บริษัทที่เหลือรอดจะได้ทรัพยากรทั้งหมดไปใช้แทน
ไม่แปลกเลยครับ ที่เราจะเห็นบริษัทที่รอดจากวิกฤตแต่ละครั้ง กลับมาได้ แถมแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนก่อนเกิดวิกฤตซะอีก
ลองเก็บไว้คิดดูนะครับ หลังวิกฤตหลายๆ อย่างจะกลับไปเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกวิกฤต ถ้าเราเข้าใจมันได้ก่อนใคร เราจะเป็นคนที่สามารถคว้าโอกาสในวิกฤตนี้ไว้ได้ครับ
ตั้งแต่ต้นปี 2020 มานี้ มีโอกาสเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่ผมเขียนถึงในบทความนี้ และที่ยังไม่ได้เขียนถึง ไม่ต้องคว้าไว้ทุกโอกาสก็ได้นะครับ เพราะมันอาจจะหนักเกินไป ลองมองไปรอบ ๆ เลือกดูซัก 1-2 โอกาสที่เหมาะกับตัวคุณ แล้วยื่นมือไปคว้ามันไว้ ผมรับรองว่าอีก 5-10 ปี ต่อจากนี้ จะเป็นทศวรรษที่ดีสำหรับคุณ
#ขอต้อนรับเข้าสู่ทศวรรษ2020 อย่างเป็นทางการ
#SalarymanEstator
There will be experts in the area contacting you soon.
If you don't need help anymore Please click cancel in the email you received.
อ่านง่ายดีค่ะ
ยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
รายละเอียดครบ ชัดเจอดีค่ะ
เขียนบทความตามกระแส ทันเหตุการณ์ดีค่ะ
อ่านเยอะๆ แล้วรู้สึกเงินในบัญชีจะสั่นๆ นะ อยากได้ขึ้นมาเลย
บทความมีประโยชน์มากมายคร้า