Favorite
แรกเริ่มเมื่ออยากได้บ้านหรือคอนโด เราจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา แม้ดอกเบี้ยจะสูงไปนิดก็ไม่เป็นไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยไป รีไฟแนนซ์ เอาทีหลังก็ได้ ซึ่งขอแนะนำว่าหากคิดจะทำ ก็ควรศึกษาไว้ก่อนแต่เนิ่นๆ เลยดีกว่า
รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร
ทำความเข้าใจกันซะนิดก่อนไปขั้นตอนอื่น รีไฟแนนซ์บ้าน มีความหมายว่า การที่เราไปขอกู้เงินจากธนาคารใหม่ที่ได้ดอกเบี้ยถูกกว่า เพื่อนำไปจ่ายหรือปิดหนี้กับธนาคารเก่าที่เคยทำสัญญาไว้ โดยจะใช้หลักทรัพย์เดิมซึ่งก็คือ บ้านหรือคอนโดนั่นเอง
ทำการรีไฟแนนซ์ได้ตอนไหน
เนื่องจากดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ของแต่ละธนาคารจะยังไม่สูงเท่าไหร่ ประมาณ 2.9%-4% แต่พอปีที่ 4 เป็นต้นไป ดอกเบี้ยจะอัพตัวเองสูงเกินกว่านั้น ทำให้ส่วนใหญ่จะทำการรีไฟแนนซ์เมื่อผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปีขึ้นไป โดยในสัญญาจะมีกำหนดไว้อีกทีหนึ่ง แต่ถ้าหากทำเรื่องก่อนกำหนด แน่นอนว่าย่อมมีค่าปรับ ประมาณ 2-3% ของยอดหนี้คงเหลือ
ขอบคุณภาพ : rawpixel
เลือกโปรโมชั่นของธนาคารที่โดนใจ
ควรเริ่มดูโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร ล่วงหน้าก่อนครบ 3 ปี อย่างน้อย 1-2 เดือน ซึ่งบอกเลยว่ามีให้เลือกเยอะมาก ทุกธนาคารจะงัดโปรเด็ดออกมาล่อตาล่อใจเรา ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบหลายๆ ธนาคาร สิ่งที่ต้องโฟกัสเป็นอย่างแรกคือ อัตราดอกเบี้ยต้องค่อนข้างต่ำ มีอะไรที่ให้ฟรีได้บ้างไหม ไม่ว่าจะเป็นค่าประเมิน ค่าธรรมเนียม เป็นต้น รวมถึงข้อแม้เพิ่มเติมอื่นๆ เช่น ต้องทำประกันชีวิต ชำระหนี้หมดก่อนเวลาได้รึเปล่า สุดท้ายคือธนาคารที่สนใจสะดวกต่อเราอยู่ใกล้บ้านหรือไม่ ยิ่งหาข้อมูลได้มากเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีแก่เรา
มีค่าใช้จ่ายประมาณหนึ่ง
ก็เหมือนการเริ่ม กู้บ้านใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่มีเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยที่นอกจาก ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้ หรือล้านละ 10,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ รวมถึงค่าประกันอัคคีภัยแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายในส่วนของ ค่าประเมินประมาณ 2,000-3,000 บาท หรืออาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มมาด้วย ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร ต้องเตรียมในส่วนนี้ให้พร้อมด้วยเหมือนกัน
เอกสารครบถ้วนสมบูรณ์
1. เอกสารส่วนบุคคล เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน เป็นต้น
2. เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน สเตจเมนท์ย้อนหลัง 6 เดือน สำเนาหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ถ้าทำธุรกิจส่วนตัวจะมีเอกสาร สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า เป็นต้น และถ้ามีผู้กู้ร่วมก็ต้องเตรียมเอกสารด้วยเช่นเดียวกัน
3. เอกสารแสดงหลักประกัน โฉนดที่ดิน สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน สำเนาสัญญากู้เงินธนาคารเดิม สำเนาใบเสร็จเงินกู้เดือนล่าสุด
คร่าวๆ ประมาณนี้ อาจมีเพิ่มเติมหรือน้อยกว่านี้แล้วแต่ธนาคาร ซึ่งเค้าจะบอกให้เราเตรียมเอกสารที่ต้องการก่อนยื่นเสนออยู่แล้ว ตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วง
ยื่นเรื่องเข้าธนาคารที่ต้องการ
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างครบแล้ว ให้ยื่นเรื่องกับธนาคารที่เราสนใจหลายๆ ธนาคารก็ได้แล้วแต่เราสะดวก (แต่จะเสียค่าประเมินหลายครั้ง) เพราะธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาประเมินหลักทรัพย์ของเราก่อน ซึ่งราคาประเมินในการให้สินเชื่อ จะให้ราคาบ้านหรือคอนโดของเรามากน้อยไม่เหมือนกัน หลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะทราบผลว่าอนุมัติให้ผ่านหรือไม่ จึงเป็นเหตุผลให้เราต้องเตรียมการไว้ก่อน
การรีไฟแนนซ์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยให้เรา ผ่อนชำระบ้านต่อเดือนในราคาที่ถูกลง ส่งผลให้มีสภาพการเงินที่คล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้เมื่อครบ 3 ปีอีก ก็รีไฟแนนซ์ได้ใหม่เหมือนเดิม แต่อย่าลืมคำนวณค่าใช้จ่ายและรายละเอียดอื่นๆ ให้ครบถ้วน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาคุ้มค่าที่สุด
10 จังหวัด บ้านมือสอง มีจำนวนประกาศขายสูงสุด ในไตรมาส 2 ปี 2567
2024-09-18
ทริคต่อรองราคาซื้อบ้านมือสอง ให้ WIN-WIN ทั้งสองฝ่าย
2020-06-25
จะซื้อบ้าน ทำเลแบบไหนที่ควรเลี่ยง
2019-06-20
5 เหตุผลทำไมบริษัทถึงต้องรีแบรนด์ใหม่
2021-11-08
สถิติย้อนหลัง 15 ปี คอนโดสร้างเสร็จในกรุงเทพฯ มีเยอะแค่ไหน ?
2023-08-15
เหนือ Developer ก็มี Blogger นี่แหล่ะค่ะ ทำให้เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ขอบคุณค่ะ
นักเขียนมืออาชีพ งานคุณภาพและมีประโยชน์มากค่ะ
ห้องสวยมากๆเลยครับ