เลือกบริการขนย้ายยังไง ให้ของถึงที่หมายแบบปลอดภัย

เวลาต้องย้ายห้องหรือบ้านใหม่ทีไร การเก็บของเล็กๆ น้อยๆ แบบทำคนเดียวได้ยังไม่น่าปวดหัวเท่าของชิ้นใหญ่ๆ อย่างพวกเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งถ้าเป็นมือสมัครเล่นทำคงมีเสียหายกันบ้างแหละ ดังนั้น การใช้บริการขนย้าย ที่เค้ามีความเชี่ยวชาญดูจะเวิร์กสุด แต่จะเลือกยังไงถึงจะโอเคลงตัว เลื่อนลงไปอ่านกันต่อเลย!!!

1. สืบเสาะค้นหา

พยายามหาข้อมูลของผู้ให้บริการขนย้ายหลายๆ บริษัท ดูว่าในเว็บไซต์หรือในเฟซบุ๊กมีการเคลื่อนไหว อัพเดทอยู่ตลอดรึเปล่า พร้อมบอกรายละเอียดมีที่อยู่เบอร์โทรติดต่อชัดเจน ควรเลือกเจ้าที่มีรีวิวหรือผลการทำงานให้ดู และบอกแนวทางการทำงานได้ชัดเจน ที่สำคัญอ่านคอมเมนท์คนที่เคยใช้บริการว่าแสดงความคิดเห็นกันไปในทิศทางไหน โดยเลือกเจ้าที่ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัยและมีประสบการณ์ที่ดีมากที่สุด

2. ปริมาณของที่ต้องขนย้าย

เช็กรายการของทั้งหมดที่ต้องการให้เค้าขนย้าย สำหรับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่อันไหนที่ต้องการถอดประกอบก็ควรจดไว้ด้วย รวมไปถึงข้าวของชิ้นไหนที่อยากให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ หรืออยากให้ห่ออย่างแน่นหน้าก็ต้องลิสต์ไว้เหมือนกัน ทั้งนี้ก็เพื่อดูว่ามีขนาดจำนวนและน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน ทางบริษัทจะได้เตรียมพนักงาน เตรียมวัสดุอุปกรณ์ และรถได้อย่างเหมาะสม

3. ประเภทรถที่จะใช้ก็ต้องดู

เพราะข้าวของเครื่องใช้รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของเรา แน่นอนว่าค่อนข้างหลากหลายและมีมูลค่า เราสามารถสอบถามได้ว่ามีประเภทรถอะไรให้เลือกบ้าง และอาจดูไปถึงสภาพรถที่ใช้ขนของที่นอกจากเรื่องของความแข็งแรงเรื่องของความสะอาด ยังมีส่วนของพนักงานขับรถที่ต้องมีความชำนาญของประเภทรถนั้นๆ

4. ประกันสินค้าที่รัดกุม

ตรงนี้อยากให้ละเอียดนิดนึง ก่อนจะจ้างทำการตกลงให้เรียบร้อย ว่าระหว่างการขนย้ายเกิดข้าวของเครื่องใช้ชำรุดเสียหาย หรือทำให้ส่วนของบ้านเป็นรอยขึ้นมา จะมีการรับประกันและชดเชยให้อย่างไรบ้าง ถ้าไม่มีนี่ก็น่ากังวลพอสมควรเนื่องจากตรงนี้ จะช่วยให้พนักงานระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น

5.ราคาเหมาะสม

การคำนวณราคามีหลายปัจจัยมาก อย่างแรกคือแจ้งกับทางบริษัทถึงปริมาณของที่เราลิสต์ไว้ในข้อ2 อยากให้มีพนักงานช่วยขนย้ายทั้งหมดหรือแค่บางส่วนที่หนัก ต้องการแบบไหนให้บอกไว้ก่อนเลย ต่อมาคือขนาดของรถที่ใช้ขนส่งและคิดระยะทาง จากจุดหนึ่งไปอีกจุดทั้งหมดกี่กิโล เพื่อให้ประเมินราคาออกมาอย่างชัดเจน รวมแล้วเป็นเงินเท่าไหร่ ค่อยนำไปเปรียบเทียบหลายๆ บริษัทเช่นเคย อย่าเห็นแก่ของถูกเกินไป ให้เลือกที่คุ้มค่าได้มาตรฐานจะดีกว่า

6. ข้อดี/ข้อเสีย เป็นยังไง

พูดข้อเสียก่อนละกันคือ ราคาสูงกว่าขนเองหรือจ้างขนของทั่วไป มีความยุ่งยากในด้านของการให้รายละเอียดและการนำเสนอราคานิดหน่อย แต่ก็แลกมากับข้อดีที่สามารถให้ราคาได้ชัดเจนมากกว่า มีความพร้อมทั้งในด้านการทำงานอย่างมีระบบ ในเรื่องของอุปกรณ์สำหรับการดูสิ่งของอย่างดี และทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยหรือวุ่นวายเท่าที่ควร 

ถ้าไม่อยากยืนงงในดงเฟอร์ฯ ลองเลือกใช้บริการขนย้ายช่วยจัดการปัญหาเหล่านี้ให้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาเราได้อีกเยอะ แถมยังสบายใจหายห่วงว่าของๆ เราจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยแน่นอน