รายการโปรด
ข้อมูลโครงการ
฿ 4,400,000
32
333
2563
ข้อมูลเพิ่มเติม
รูปภาพโครงการ
วิดีโอรีวิว
เกี่ยวกับโครงการ
โดย LifeScape
“เอกมัย” ชื่อนี้ไม่ต้องบอกอะไรมาก นี่คือ ทำเลยอดฮิตบนถนนสุขุมวิทตอนกลางที่กลายเป็นแหล่งพบปะแฮงก์เอ้าท์ของเหล่าคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ เป็นทำเลที่เต็มไปด้วยแหล่งบันเทิงครบวงจรทั้งกลางคืนกลางวัน ห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์ที่รวมแบรนด์ดังทั่วโลก ร้านอาหารไทยและอาหารนานาชาติเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งทุกอย่างล้วนได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างและมีสไตล์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
อีกทั้งยังมีซอยลัดเลาะหา “ทองหล่อ” ซึ่งยิ่งทำให้ เติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้มีความสมบูรณ์แบบจนย่านอื่นยากที่จะเทียบ แถมยังเดินทางสะดวกสบายด้วย BTS ที่ห่างกันเพียงแค่ 1 สถานี หรือใช้รถส่วนตัวที่มีซอยลัดเลาะไปซอยสุขุมวิทซอยอื่นได้ หรือจะไปถนนพระราม 4 ถนนเพชรบุรีที่ทะลุไปพระราม 9 และเลียบด่วนรามอินทราได้ไม่ยาก
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำเลดังกล่าวจะได้รับความนิยมทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีรายได้ระดับกลางไปจนถึงระดับบนมาจับจองพื้นที่เพื่ออยู่อาศัยและลงทุนกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเอกมัยที่มีความโดดเด่นด้านไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยม ทั้งแหล่งพักผ่อนแฮงก์เอ้าท์ ร้านอาหารไทยและนานาชาติ ห้างสรรพสินค้า รวมทั้งคอนโดระดับไฮเอนด์ไปจนถึงระดับลักชัวรี่ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่เพราะพื้นที่ของซอยเอกมัยมีค่อนข้างจำกัด บางส่วนก็เป็นพื้นที่อยู่อาศัยแนวราบที่เจ้าของอาศัยอยู่กันมานานหลายต่อหลายรุ่นและไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนมือเจ้าของง่ายๆ ขณะที่บางส่วนก็เป็นพื้นที่ปล่อยเช่าระยะยาวของเอกชน การที่นักพัฒนาคอนโดรายใหม่ๆ จะได้พื้นที่มาสร้างคอนโดไม่ใช่เรื่องง่าย และถ้าลองไปนับๆ ดูตอนนี้จะเห็นมีคอนโดอยู่เพียงไม่กี่โครงการเท่านั้น
วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดีมากๆ ที่จะได้มารีวิวโครงการย่านนี้เพราะนานๆทีจะมีสักโครงการมาให้ดูกันค่ะ สำหรับนักพัฒนาอสังหาฯ รายล่าสุดที่หยิบทำเลชิ้นปลามันสุดแนวในย่านเอกมัยไปก็คือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กับคอนโดโครงการใหม่ Maru เอกมัย 2 สำหรับชื่อ MARU คงคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว เพราะทาง MJD ได้เปิดตัว MARU บนทำเลยอดฮิตอย่างลาดพร้าวมาแล้ว
Maru เอกมัย 2 เป็นคอนโด High Rise 32 ชั้น ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Live More, Live Maru หรือถ้าใครเคยเห็นภาพสุดละมุนของน้องนาย ณภัทร ดาราวัยรุ่นชื่อดังกับน้องหมาชิบะน่ารักๆ น้องแมวตาใสแบ๊ว รวมทั้งภาพบรรยากาศห้องสไตล์ญี่ปุ่น นั่นแหละคือคำอธิบายตัวโครงการได้เป็นอย่างดี
เพราะ Maru เอกมัย 2 มาพร้อมจุดขายของโครงการ Pet Friendly & Wellness Living เอาใจคนรักสัตว์ให้สามารถเลี้ยงสัตว์ภายในโครงการได้ แถมยังมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งเราจะพาทุกคนไปทัวร์ชมห้องตัวอย่างและรายละเอียดของโครงการกันแบบยิบๆ ตามกันไปเลยค่ะ...
มาเริ่มกันที่ศักยภาพของทำเลที่ตั้งกันก่อน... ตัวโครงการตั้งอยู่ต้นซอยเอกมัยหรือซอยสุขุมวิท 63 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมถนนสุขุมวิทเข้ากับถนนเพชรบุรี จึงไม่น่าห่วงเรื่องการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเท่าไรเพราะหน้าโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS เพียง 450 เมตร
ถ้าใครใช้รถส่วนตัวก็เดินทางสะดวกเพราะมีซอยลัดเลาะไปซอยสุขุมวิทชั้นในซอยอื่น หรือจะวิ่งตรงบนนถนนสุขุมวิทเพื่อไปยังเพลินจิต-สยามก็ได้ หรือจะออกท้ายซอยเพื่อไปถนนเพชรบุรีที่เป็นทั้งศูนย์กลางออฟฟิศและการศึกษา แถมยังเป็นถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อกับ New CBD อย่างพระราม 9 รัชดา หรือจะวิ่งเส้นจตุรทิศเพื่อไปยังพญาไท สามเสน ก็ใช้เวลาไม่นาน หรือจากถนนเพชรบุรีจะวกออกนอกเมืองไปถนนเลียบด่วนรามอินทราก็ได้เช่นกัน หรือจะลัดเลาะไปซอยทองหล่อก็ไม่ต้องออกมาถนนใหญ่ เพราะมีซอยทองหล่อ 10 หรือซอยเอกมัย 5 ที่เชื่อมทั้ง 2 ซอยถึงกัน
บรรยากาศรอบๆ โครงการตลอดจนบรรยากาศช่วงต้นของซอยเอกมัย เริ่มบริเวณปากซอยที่มีทั้งเมเจอร์เอกมัยตั้งอยู่ปากซอยพอดี ส่วนฝั่งตรงข้ามก็เป็นห้าง Gateway เอกมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องแหล่งช้อปและร้านอาหารญี่ปุ่นหลายร้าน
เข้ามาในซอยช่วงต้นซอย ส่วนใหญ่ก็เป็นอาคารพาณิชย์ที่เปิดเป็นร้านค้าร้านอาหารเล็กๆ ตลอดจนใช้เป็นที่พักอาศัย รวมทั้งอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ คอมมิวนิตี้มอลล์อย่าง Park Lane เอกมัยที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมทั้งร้านค้าของเหล่าเซเลปและดาราดังที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเปิดไม่ขาดสาย
ที่สำคัญ เอกมัยถือเป็นแหล่งรวมตัวของร้านอาหารเกรดพรีเมี่ยมมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นซอยที่สะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทำให้มีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่บรรยากาศส่วนใหญ่จะดูเป็นสไตล์ญี่ปุ่น
สำหรับใครที่กังวลว่า ซอยเอกมัยจะต้องครึกครื้นและพลุกพล่านเสียงดังจากสถานบันเทิงยามค่ำคืน บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลเพราะในช่วงต้นซอยเอกมัยจะเป็นโซนที่พักอาศัย โซนออฟฟิศ และตึกสำนักงานขนาดใหญ่ ส่วนร้านเหล้าร้านอาหารที่ว่านั้นจะอยู่ด้านในซอยเอกมัยเข้าไปอีก
เจาะลึกโครงการ
ที่ตั้งของโครงการ Maru เอกมัย 2 จะอยู่ตรงเยื้องๆ กับอาคาร Bangkok Business Center สูง 33 ชั้น ด้วย Sales Gallery ที่ออกแบบมาได้อย่างโดดเด่นเป็นสง่ามากๆ ด้วยการใช้ระแนงไม้สีน้ำตาลเข้มมาตกแต่งบริเวณภายนอกให้ความรู้สึกถึงความเป็นตะวันออก และความอบอุ่นที่ดูน่าอยู่อาศัยและน่าค้นหา เพิ่มลูกเล่นและความโมเดิร์นด้วยกระจกทรงสูงและการใช้รูปทรงบล็อคสี่เหลี่ยมเข้ามาทำให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น
บรรยากาศภายใน Sales Gallery ลดโทนให้ดูสบายตาลงด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุสีน้ำตาลอ่อนๆ ตัดกับกระจกและอะลูมิเนียมสีดำ ที่ดูไม่มากไม่น้อยจนเกินไป แต่เน้นลูกเล่นที่เป็นจังหวะ เรียบๆ แต่มีดีเทลให้สนุกอยู่บ้าง
ไฮไลท์สำคัญของ Sales Gallery ก็คือโมเดลโครงการที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางซึ่งทำให้เรามองเห็นภาพรวมของงานดีไซน์ตัวโครงการภายนอก ตัวอาคารก็เน้นโทนสีเทาเข้มตัดกับเทาอ่อนและสีดำ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณชั้นล่างสุด และชั้นดาดฟ้า ต้องบอกว่าดูเรียบง่ายแต่คูลมากๆเลยค่ะ
เริ่มตั้งแต่บริเวณทางเข้าที่มีการใช้ไม้ระแนงมาตกแต่งเหมือนดีไซน์ของ Sales Gallery ที่ใช้ไม้ระแนงโทนสีน้ำตาลมาตกแต่ง บ่งบอกถึงความเป็นชาวเอเชียได้เป็นอย่างดี เพิ่มลูกเล่นให้ดูน่าสนใจด้วยการสลับลายไม้ไปมาทำให้ดูไม่น่าเบื่อ
Maru เอกมัย 2 เป็นอาคารสูง 32 ชั้น แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น
ชั้น 1 โซนล็อบบี้ สวน พื้นที่ส่วนกลางอื่นๆ และทางเข้าที่จอดรถแบบปกติและแบบ Automatic Parking
ชั้น 2-8 ที่จอดรถ จอดได้ประมาณ 165 คันไม่ร่วมซ้อนคันหรือคิดเป็น 48%
ชั้น 9-27 ห้องพักอาศัยแบบ 1 Bedroom Smart และแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาด 29-60.5 ตร.ม.
ชั้น 28-30 ห้องพักอาศัยแบบ 1-2 ห้องนอน ที่ออกแบบมาเหมือนเป็นบ้าน 2 ชั้น เปิดโล่งด้วยความสูงเพดานถึง 5.5 เมตร และในบริเวณชั้น 28 ยังมีพื้นที่สวนส่วนกลางออกไปนั่งเล่นนั่งพักผ่อนได้อีกด้วย
ชั้น 31-32 เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่มีทั้งสวนสีเขียว ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และห้องอเนกประสงค์ ส่วนชั้น 32 จะเป็นพื้นที่ของสวนลอยฟ้าที่ลูกบ้านสามารถจัดกิจกรรมร่วมกันได้ หรือจะนั่งชมวิวเมืองแบบ 360 องศาก็ได้เช่นกัน
จุดเด่นของตัวโครงการนี้คือการออกแบบให้มียูนิตพิเศษเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้เราได้เลือกมากมาย อาทิ ยูนิตพิเศษบริเวณชั้น 9 ที่ได้ระเบียงเพิ่มขึ้น
รวมทั้งจากภาพโมเดลด้านล่าง เป็นพื้นที่สวนส่วนกลางและที่นั่งพักผ่อนยื่นออกมาตรงชั้น 28 และมียูนิตพิเศษชั้น 28 ที่ได้ระเบียงพิเศษเพิ่มเหมือนกัน
อย่างที่บอกว่าที่นี่เน้นคอนเซ็ปต์ว่า Pet Friendly & Wellness Living ทางโครงการจึงได้ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางมาเอาใจคนรักสัตว์และรักสุขภาพแบบจัดเต็ม สรุปกันอีกทีก็คือเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 ที่มีที่จอดจักรยาน สวนสีเขียว Co-Working Terrace และ Teahouse Pavillion ชั้น 28 กับระเบียงสวนสีเขียวสำหรับนั่งเล่นพักผ่อนและชมวิว
ชั้น 31 กับ Co-Creation Space พื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ สระว่ายน้ำผู้ใหญ่และสระเด็ก Warm Pool พื้นที่สำหรับจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว และมุมนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตก และ Music Rehearsal Room และ Karaoke Room
ส่วนชั้น 32 มีห้องฟิตเนสและ Lounge ที่ออกแบบด้วยกระจกทรงสูง ออกกำลังกายไปชมวิวเมืองไป และสุดท้ายก็คือชั้นดาดฟ้าหรือ Rooftop ที่ทั้งสวนสีเขียวหรือจะเพลิดเพลินกับสวนแบบ Terrarium House โซนปาร์ตี้บาร์บีคิว โซนฟาร์มขนาดเล็ก รวมทั้งพื้นที่อเนกประสงค์อื่นๆ ที่ออกแบบมารองรับทุกกิจกรรมและทุกงานปาร์ตี้ของลูกบ้าน
สำหรับแบบห้องก็มีทั้งหมด 5 แบบ คือชั้น 9-27 ที่เป็นห้องปกติมีความสูงฝ้าเพเดาน 2.7 เมตรและชั้น 28-30 ห้องแบบ Duplex ความสูงเพดาน 5.5 เมตร แบ่งเป็น
1 Bedroom Smart ขนาด 29-30 ตร.ม. (ชั้น 9-27)
1 ห้องนอน ขนาด 32.5-35.5 ตร.ม. (ชั้น 9-27)
2 ห้องนอน ขนาด 54-60.5 ตร.ม. (ชั้น 9-27)
1 ห้องนอน Duplex ขนาด 41-42 ตร.ม. (ชั้น 28-30)
2 ห้องนอน Duplex ขนาด 45-76 ตร.ม. (ชั้น 28-30)
โดยทางโครงการได้เปิดห้องตัวอย่างให้ชม 2 แบบนั่นคือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน Type S ขนาด 29.5 ตร.ม. และห้องแบบ 1 ห้องนอน Duplex Type C ขนาด 42 ตร.ม. เรียกว่ามาเทียบกันให้เห็นจะจะไปเลยว่าห้องแบบ 1 ห้องนอนธรรมดากับแบบ Duplex มันต่างกันอย่างไร
มาเริ่มกันที่ห้องแบบ 1 ห้องนอน Type S ขนาด 29.5 ตร.ม.
เปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับทางเดินพื้นไม้ลามิเนต ด้านข้างจะเป็นโซนครัวเล็กๆ โดยทางโครงการจะให้ชุดเคาน์เตอร์ 1 ชุดเหมือนที่เราเห็นในห้องตัวอย่างนี้เลย มีทั้งตู้ Built-In เก็บของด้านบน เคาน์เตอร์ครัวขนาดพอดี เตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน อ่างล้างจาน และตู้เก็บของด้านล่าง
ส่วนด้านซ้ายมือที่เห็นเป็นผนังเรียบๆ นั้นก็คือ ชั้น Built-in สำหรับเก็บของ แม้บริเวณทางเดินจะเป็นพื้นที่ทรงยาวแต่กลับออกแบบจัดสรรส่วนครัวได้ครบ ทั้งโซนเคาเตอร์ครัวสำหรับทำอาหาร พื้นที่วางตู้เย็น และเลยไปด้านหลังตู้เย็นยังมีที่วางโต๊ะอาหารสำหรับ 2-3 คนได้อีก หรือจะทำเป็นโต๊ะแบบพับเก็บได้ก็ยิ่งช่วยทำให้ห้องดูกว้างขวางโล่งขึ้นอีกด้วย
เลยห้องครัวไปจะเห็นเป็นประตูกระจกกั้นที่ช่วยแบ่งโซนพื้นที่ใช้สอยออกจากกันชัดเจน ซึ่งเป็นประตูกระจกทรงสูง ตัดด้วยกรอบสีดำเพิ่มความเข้มและความโมเดิร์นให้ห้องขึ้นมาอีก ที่สำคัญ ยังช่วยแบ่งพื้นที่ใช้สอยในห้องให้เห็นสัดส่วนและช่วยป้องกันกลิ่นรบกวนจากห้องครัวอีกด้วย
ด้านในกระจกเป็นพื้นที่ห้องนอนที่บอกเลยว่าดูกว้างขวางมากๆ มีพื้นที่ใช้สอยรอบๆ ค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญ ด้านในสุดยังเป็นระเบียงออกไปได้จริงยิ่งทำให้รู้สึกถึงความโปร่งโล่ง ถ่ายเทอากาศได้ดีอีกด้วย
เมื่อมองจากห้องนอนออกไปจะเห็นซ้ายมือเป็นห้องครัวและทางเดินออกนอกห้อง ด้านขวาเป็นโซนแต่งตัวและห้องน้ำ ซึ่งช่วยให้เสียงดังจากด้านนอกไม่เข้ามารบกวนในห้องได้เป็นอย่างดีทีเดียว
บริเวณซ้ายมือทางโครงการออกแบบมาเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า โซนแต่งตัว หรือจะทำเป็น Mini Walk-in Closet ก็พอมีพื้นที่ได้อยู่
อีกจุดไฮไลท์ของโครงการนี้ที่ชอบเป็นพิเศษก็คือส่วนของห้องน้ำ... กว้างขวางขาวสะอาด และเรียบง่าย ด้วยการใช้สีขาว ครีม และสีไม้อ่อนๆ มาตกแต่งตัดกัน นอกจากสุขภัณฑ์พื้นฐานที่จะได้ครบแล้ว ยังมีกระจกนิรภัยกั้นห้องอาบน้ำอย่างดี อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับชั้นวางของด้านล่าง เรียบๆ ง่ายๆ แต่ได้อารมณ์ของความโมเดิร์นในสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย
มาต่อกันที่ห้องตัวอย่างแบบที่ 2 แบบ 1 ห้องนอน Duplex Type C ขนาด 42 ตร.ม.
พอเดินเข้ามาก็พบกับความขาวของผนังห้องคลีนตัดกับพื้นไม้ลามิเนตบริเวณทางเดิน
ด้านขวาเป็นห้องน้ำที่มีดีไซน์คล้ายกับห้องแบบแรก แต่เพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น แบ่งเป็นพื้นที่โซนแห้งที่มีเคาน์เตอร์ล้างหน้าขนาดใหญ่ และโซนเปียกที่มีประตูกั้นอาบน้ำนิรภัยให้เช่นกัน
ส่วนด้านซ้ายที่เห็นเป็นตู้คลีนๆ สีขาวๆ ใต้บันได นั่นคือ ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-In ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้
เปิดตู้ออกมาด้านซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้าที่มีทั้งแบบแขวนและลิ้นชักวางของ ส่วนตู้ข้างๆ เป็นตู้อเนกประสงค์ จะใช้ใส่เสื้อผ้าก็ได้หรือจะใส่ข้าวของเครื่องใช้อื่นๆ ก็ได้เช่นกัน
เมื่อเดินตรงเข้ามาก็จะพบกับพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ตรงกลางบ้านที่แบ่งเป็น ห้องนั่งเล่นตรงกลาง โซนครัว และโต๊ะทานข้าว
โดยรวมๆ แล้วมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้ภายในห้องดูโปร่งสบายตา
โซนครัวก็จะคล้ายได้ห้องแบบแรก นั่นคือ มีตู้ Built-in ด้านบนให้พร้อมกับเคาน์เตอร์ด้านล่าง ที่มีอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า พร้อมชั้นวางของด้านล่าง และที่วางเตาอบและตู้เย็น
ด้านซ้ายของห้องครัว สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 2 คนได้สบายๆ และจะเห็นได้ว่าเพดานสูงโปร่งมากๆ กับความสูงถึง 5.5 เมตร มองออกไปเห็นวิวเมือง แต่ถ้าใครเลือกห้องนี้บอกไว้ก่อนว่าทางโครงการไม่ได้แถมผ้าม่านมาให้นะ
ส่วนผนังที่อยู่ใกล้ๆ โต๊ะอาหารและโซนครัว สามารถ Built-in ชั้นเก็บของหรือของตกแต่งได้เพิ่มเติม แถมยังเปิดโล่งทางความคิดให้เราตกแต่งห้องได้แบบไม่จำกัดอีกด้วย
จากภาพล่าง ด้านขวามือของภาพที่เห็นกระจกทรงสูงนั้นของจริงจะเป็นวิวระเบียงโล่งขนาดใหญ่เท่ากับความกว้างของห้องพอดี สามารถเห็นวิวด้านนอกได้แบบเต็มๆ ส่วนบันไดนั่นคือทางขึ้นไปบริเวณห้องนอนที่ชั้น 2
บันไดออกแบบมาเรียบๆ แต่มีลูกเล่นบริเวณด้านข้างบันไดที่มีพื้นที่วางของตกแต่งอื่นๆ หรือจะใช้วางจักรยานเหมือนตัวอย่างก็สวยเก๋ดี
พอขึ้นไปชั้น 2 สุดบันไดก็จะเป็นประตูเข้าสู่ห้องนอนซึ่งถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อน วางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้พอดี มีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงอีกนิดหน่อย หรือจะวางตู้เสื้อผ้าเล็กๆ หรือโต๊ะทำงานอีกตัวก็ยังพอได้อยู่
ด้านข้างห้องนอนออกแบบให้เป็นผนังกระจกทรงสูงที่มองลงไปด้านล่างบริเวณห้องนั่งเล่นได้ทุกมุม
บทสรุปของ Maru เอกมัย 2 คือดีไซน์เรียบง่ายแต่โมเดิร์น ออกแบบทุกส่วนของพื้นที่ให้มีดีเทลเหมาะสำหรับการใช้ชีวิตและใช้สอยพื้นที่ได้จริง เน้นพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งคนรักการดูแลสุขภาพ รักการพบปะปาร์ตี้สังสรรค์ หรือพื้นที่ส่วนกลางสำหรับนั่งทำงานแบบชิลล์ๆ
ที่สำคัญ ตั้งอยู่บนทำเลสุขุมวิทตอนกลางในย่านที่เนื้อหอมมาแรงตอบโจทย์คนมีสไตล์อย่าง “เอกมัย” Maru เอกมัย 2 จะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564 กับราคาเริ่มต้น 5.4 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรละ 196,000 บาท ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ
แวะชมตัวอย่างได้ที่ Sales Gallery ได้แล้ววันนี้ หรือจะคลิก www.mjd.co.th/maru/ หรือโทร. 1266
แสดงรายละเอียดเพิ่มเติม
สิ่งอำนวยความสะดวก
รักษาความปลอดภัย 24 ชม.
คลับเฮ้าส์
ที่จอดรถ
ฟิตเนส / ยิม
เล้าจ์
สระว่ายน้ำ
สระเด็ก
สวนขนาดย่อม
ที่ตั้งโครงการ
สถานที่ใกล้เคียง
คำนวณสินเชื่ออสังหาฯ เบื้องต้น
ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารวงเงินกู้
0
บาทรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน
0
บาทยอดผ่อนต่อเดือน
0
บาทประกาศขาย เช่าอื่นๆ ของ มารุ เอกมัย 2
สนใจโครงการนี้