Reference เกษตร ดิสทริค ทำเล ‘Limited’ ตรงข้าม ม.เกษตร ของแท้ ดีไซน์ก็ ‘Limitless’ เนรมิตห้องแบบใหม่ VertiSpace เพดานสูงถึง 4.8 ม. สร้าง ‘New Experience’ การอยู่อาศัยแบบ 360 องศา

 

“ตรงม.เกษตรยังมีที่ให้สร้างอีกหรอเนี่ย! คอนโดตั้งอยู่ตรงไหนอ่ะ” นี่คือคำถามจากเด็กเกษตรเก่า เมื่อรู้ว่าจะมีโครงการใหม่แถวถิ่นที่ตัวเองเคยเรียนมา ซึ่งก็บอกตามตรงว่านึกไม่ถึงเหมือนกันว่า SC Asset จะได้ที่ดินตรงนี้มาครอบครอง ต้องขอคารวะจากใจเลย

 

นั่นก็เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คือพูดได้ว่าหากใครได้ที่ดินแค่ในซอยก็นับว่าเซอร์ไพรส์แล้ว แต่ SC Asset ก้าวข้ามไปอีกขั้นด้วยการได้ผืนที่ดินติดถนนใหญ่งามวงศ์วาน แบบตรงข้ามม.เกษตรเลยล่ะ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ลิมิเต็ดหายากบนย่านเกษตรแห่งนี้!!

 

ทำไมถึงหายาก? ทำไมใครๆ ก็สนใจ? เหตุผลแรกเนื่องจากบริเวณโซนม.เกษตร แบบย่านเกษตรของแท้นั้น ล้วนมีเจ้าของทั้งในรูปแบบคอนโดที่สร้างมาหลายปี และยังมีเจ้าของที่อยู่อาศัยแบบบ้านและอาคารพาณิชย์ รวมไปถึงร้านค้าขายต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องยากในการที่พวกเค้าจะย้ายออกไปไหน 

 

ก็เพราะเหตุผลข้อถัดมาในเรื่องการเจริญเติบโตของย่านในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างแหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย รายล้อมไปด้วยสำนักงาน รวมถึงมีสถานศึกษาชื่อดัง และสถานพยาบาลชั้นนำ 

 

สมกับที่ถูกยกให้เป็นเมือง North CBD ซึ่งก็เป็นเหตุผลมากพอให้ทั้งกลุ่มคนถิ่นเดิม และกลุ่มคนใหม่ๆ หลากหลายเจเนอเรชัน ต่างให้ความสนใจและต้องการอยู่อาศัยสูงขึ้นต่อเนื่องทุกปี

 

เมื่อดีมานด์ยังมีและมีเยอะด้วย สวนทางกับซัพพลายที่แทบหาไม่ได้แล้ว SC Asset เลยเข้ามาเสริมทัพด้วยโครงการสุดหรูแบรนด์ดังแบรนด์เดิม ที่การันตีว่าออกแบบมาตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ “Reference เกษตร ดิสทริค” คอนโดใหม่ล่าสุดของย่าน ต้อนรับเปิดปี 2025 อย่างยิ่งใหญ่ 

 

พร้อมแล้วที่จะให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านคอนโดที่มีดีไซน์โดดเด่น และฟังก์ชันครบครัน ตอบสนองความต้องการและสะท้อนตัวตนที่แตกต่าง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตครบทุกมิติในเมืองแบบรอบด้าน 360 องศา

 

► Multi-Transit Network 

ทำเลศักยภาพ เชื่อมโยงการเดินทาง เชื่อมต่อสถานที่สำคัญรอบด้าน

อย่างที่เล่าไปตอนต้นว่าทำเลของโครงการ “เรฟเฟอเรนซ์ เกษตร ดิสทริค (Reference Kaset District)” ถือว่าอยู่บนโลเคชันที่ได้เปรียบมากทีเดียว เพราะตั้งอยู่บนถนนงามวงศ์วานติดถนนใหญ่ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 

 

หรือถ้าให้เห็นภาพชัดขึ้นก็คือเยื้องๆ กับฝั่งประตูงามวงศ์วาน 3 เทียบระยะเดินและแค่ข้ามสะพานลอยประมาณ 160 ม. หรือถ้าจะขับรถไป โครงการก็อยู่ใกล้จุดกลับรถเพียง 3 นาทีก็ถึงม.เกษตร 

 

แต่อยากจะไปยังโซนอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะถนนงามวงศ์วานเชื่อมไปยังถนนสายสำคัญถึง 3 สาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนพหลโยธิน ที่ไปได้ทั้งฝั่งรัชโยธินเข้ารัชดาภิเษก-พระราม 9 หรือวิ่งยาวเพื่อตรงไปโซนลาดพร้าวก็ใช้เวลาไม่นาน และอีกฟากหนึ่งของถนนพหลโยธิน ก็สามารถเชื่อมไปยังฝั่งแจ้งวัฒนะ รามอินทราได้เช่นเดียวกัน

 

ส่วนอีกหนึ่งถนนคือ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งง่ายมากเพราะออกจากโครงการไม่กี่ร้อยเมตรและเลี้ยวซ้ายก็เป็นถนนเส้นนี้แล้ว ซึ่งจะไปทางห้าแยกลาดพร้าว จตุจักร และดินแดงก็เดินทางได้อย่างรวดเร็ว 

 

ขณะที่ ถนนประเสริฐมนูกิจ จะเชื่อมต่อยาวกับถนนงามวงศ์วาน ที่ก็พาไปยังโซนต่างๆ ได้ทั้งเกษตร-นวมินทร์ และเอกมัย-รามอินทรา

 

นอกจากนี้ถนนงามวงศ์วาน ยังเป็นถนนสายหนึ่งที่เชื่อมกรุงเทพฯกับนนทบุรี ทำให้จะไปโซนประชาชื่น หรือข้ามไปยังรัตนาธิเบศร์​ บางใหญ่ และราชพฤกษ์ ก็ขับรถไปได้ง่ายดาย

 

แต่ตอนนี้อะไรก็ไม่สะดวกเท่าการมีคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ยิ่งใกล้หลายสายยิ่งเป็นต่อในการเดินทาง ซึ่งโครงการนี้ใกล้รถไฟฟ้าถึง 3 สาย คือ SRT สีแดงเข้ม สถานีบางเขน 500 ม. และ BTS สีเขียว สถานี ม.เกษตร 1.5 กม. เท่านั้นไม่พอเพราะในอนาคตจะมีเพิ่มอีกสายคือ MRT สีน้ำตาล สถานีงามวงศ์วาน 48 โดยใกล้โครงการมากที่สุด แค่ 300 ม.

 

อีกทั้งยังมีขนส่งสาธารณะอื่นๆ ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ รถแท็กซี่ แต่ง่ายสุดก็เรียกรถผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งอยู่ย่านนี้รับรองว่าเรียกแล้วรอรถไม่นานแน่นอน

 

► A Multi-layered Lifestyle

อุดมสมบูรณ์ไปด้วยความหลากหลายของสิ่งอำนวยความสะดวก

ไปกันต่อกับหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญสุดอย่างเรื่องอาหารการกิน ซึ่งมีครบทุกรูปแบบตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ ใกล้โครงการแค่ 285 ม. ก็ถึง TOPS จะของกิน ของสด หรือของใช้คือมีให้เลือกครบ

 

แถมร้านอาหารต่างๆ และร้านคาเฟ่ชิคๆ ก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งอยู่เรียงรายตลอดแนวถนนรวมถึงตามตรอกซอกซอย ไม่ว่าจะเป็น Qinglong Tea Room, Thee Cafe, Box & Brew Café and Board Games, ขมิ้น Camin Cuisine & Cafe, โอยั๊วะ Homemade, ยำนัวส์ครัวลับย่านบางเขน และ SaM Steak and More

Photo credit by : wongnai Go Went Korn 

Photo credit by : ryoiireview

Photo credit by : ryoiireview

 

อีกที่หนึ่งอยู่เลยโครงการไปราวๆ 400 ม. จะเจอกับ Vi Plaza ไลฟ์สไตล์มอลล์แหล่งรวมร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านขนมอร่อยๆ เพียบ เช่น Starbucks, S&P, KFC, Pepper Lunch, ก๋วยเตี๋ยวแคะ Zantong และ Food Court 

Photo credit by : vibhavadi

 

หรือวันไหนอยากเดินเล่นชิลๆ อยากไปดูหนังคลายเครียด เดินทางเพียง 10-15 นาทีก็ถึง The Avenue Ratchayothin และ Major Cineplex Ratchayothin

 

แต่ถ้าอยากไปเดินห้าง Shopping หรือหาของกินร้านแบรนด์ดังต่างๆ ก็มีให้เลือกทั้งฝั่งลาดพร้าวและงามวงศ์วาน ไม่ว่าจะเป็น Central Ladprao, Union Mall และ The Mall Lifestore Ngamwongwan อีกทั้งในอนาคตจะมี Mega Project เกิดขึ้นอย่าง Central Phaholyothin โครงการมิกซ์ยูสระดับไอคอนิกจาก เซ็นทรัลพัฒนา 

Photo credit by : nipponpaintdecor

 

ขณะเดียวกันย่านนี้และละแวกข้างเคียงก็ยังมีความหลากหลายของสถานศึกษา เช่น ม.เกษตรศาสตร์, ม.ศรีปทุม, ม.ราชภัฏจันทรเกษม, ม.เซนต์จอห์น, รร.สาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, รร.หอวัง และรร.สารวิทยา เป็นต้น

 

รวมถึงสถานที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ Medical Hub ซึ่งใกล้โครงการมากที่สุด ได้แก่ รพ.วิภาวดี ขยับไปอีกนิดเป็น รพ.เปาโล เกษตร และในอนาคตจะมี รพ.ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน เข้ามาเสริมทัพย่านนี้อีกหนึ่งแห่ง

Photo credit by : vibhavadi

Photo credit by : prachachat

 

นอกจากนี้ยังโอบล้อมไปด้วยแหล่งงานมากมายทั้ง เอสซีบี พาร์ค พลาซ่า, ตรีเพชรอีซูซุ สำนักงานใหญ่, ปตท.สำนักงานใหญ่, การบินไทย และไทยรัฐ

Photo credit by : prachachat

 

► Limitless in Design

ดีไซน์แบบไร้ขีดจำกัด และคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ตอบสนองทุกความต้องการ

อย่างไรก็ดีเราย้ำอยู่เสมอว่าแม้โลเคชันจะเป็น Main Point ในการเลือกที่อยู่อาศัย แต่หัวใจหลักที่แท้จริงเป็นโปรดักส์หรือในที่นี้ก็คือบ้านหรือคอนโด ซึ่งโครงการ "Reference Kaset District" สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างสวยงามและฟังก์ชันครบครันอย่างไร้ที่ติ

 

ผ่านแนวคิด Limitless in Design ดีไซน์แบบไร้ขีดจำกัด จนเกิดเป็นความแตกต่าง ให้ทุกย่างก้าวที่เดินพาดผ่านภายในโครงการแห่งนี้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การออกแบบ Layer of Nature, Layer of Life ที่มีการผสมผสานระหว่างความธรรมชาติและความทันสมัยในทุกๆ รายละเอียดได้อย่างเพอร์เฟค

 

โดยแสดงผ่านให้เห็น Sales Gallery 2 ชั้น ซึ่งในอนาคตจะเป็น Commercial ที่มีทั้งหมด 7 ยูนิต หนึ่งในนั้นเป็นร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านขั้นสุด 

 

ซึ่งการออกแบบนั้นจะเน้นความเรียบง่าย ด้วยการเลือกใช้โทนสีขาวล้วนตัดกันกับสวนสีเขียว แต่เพิ่มมิติของตัวอาคารให้มีเส้นสายโค้งเว้า ส่วนเสาแต่ละต้นก็ดีไซน์ให้เป็นรูปทรงวงรี พร้อมจำลองน้ำพุหน้าทางเข้า เมื่อหลอมรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันทำให้ทิวทัศน์บริเวณนี้ดูผ่อนคลายสบายใจ และได้ดื่มด่ำธรรมชาติที่กลมกลืนไปกับชีวิตสมัยใหม่ในยุคนี้ได้ดีทีเดียว จึงนับว่าเป็นการ Welcome ได้อย่างน่าประทับใจ

 

สำหรับการตกแต่งภายใน ก็เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรงคล้ายกับตัวอาคาร คือเฟอร์ฯแต่ละชิ้นมีความโค้งมนและมีเลเยอร์ดีไซน์แตกต่างกันออกไป ซึ่งเพิ่มลูกเล่นด้วยโทนสีมากขึ้นแต่ก็ยังเป็นโทนสีธรรมชาติอย่าง สีเขียว น้ำตาล และเหลือง ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น รวมถึงมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ เปิดให้บริการอยู่ด้วย

 

ทั้งนี้โครงการจะสร้างเสร็จช่วงปี 2027 โดยเป็นคอนโด High Rise สูง 21 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักอาศัย 381 ยูนิต บนขนาดที่ดิน 2-2-24.8 ไร่ สามารถจอดรถได้ 142 คัน (37.27%) ไม่รวมซ้อนคัน และที่รู้สึกได้ถึงความใส่ใจอยู่ตรงที่เลือกออกแบบตัวอาคารให้ขยับเข้าไปด้านใน ซึ่งจะได้เรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และช่วยป้องกันมลภาวะทั้งฝุ่นและเสียงจากถนนใหญ่

 

เรื่อง ส่วนกลาง ก็มีความน่าสนใจสมกับเป็นแบรนด์ Reference เพราะผ่านการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วว่าต้องมี Facilities อะไรบ้าง มีจำนวนเท่าไหร่ ถึงจะรองรับความต้องการของลูกบ้านได้เพียงพอ จึงได้ออกแบบส่วนกลางมามากถึง  4 ชั้น กว่า 20 รายการ

 

เริ่มไล่เรียงตั้งแต่ชั้น Ground Floor ได้แก่ Drop Off, Main & Private Lobby, Laundry & Ironing Room, Mail Room, Juristic Office, Parcel Room, Commercial Unit, Delivery & Pick-Up, EV Station และ Shallow Pond & Garden 

 

ภาพตัวอย่าง Main & Private Lobby ให้บรรยากาศชิลๆ สบายๆ เหมาะแก่การต้อนรับแขกและนั่งเล่นพักผ่อนของลูกบ้าน

 

ถัดมาที่ 5th Floor พื้นที่สังสรรค์และเพลิดเพลินกับธรรมชาติทั้ง Co-Kitchen และ The Canopy Garden

 

บนสุดของอาคาร 21st - 21st M Floor ได้แก่ The Seamless-Edged Swimming Pool, Jacuzzi, Kids Pool, The Limitless Fitness Club, Pool Lounge, Yoga Studio, Sun Lounger, Private Seat, Pocket Garden, Learning Lounge, Karaoke Studio และ Gather & Co.

 

เพิ่มความพิเศษไปอีกขั้นด้วย Concierge Service เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและคอยช่วยเหลือลูกบ้าน เช่น บริการแม่บ้านทำความสะอาดเดือนละ 1 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 1 ปี บริการรีดผ้าให้กับลูกบ้านเดือนละ 20 ชิ้น/ห้อง รวมทั้งบริการรถรับส่ง และประกันสุขภาพ 1 ปี

 

► Layer of Nature, Layer of Life

เนรมิตห้องรูปแบบใหม่ ให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

มาถึงจุดพีคของ “เรฟเฟอเรนซ์ เกษตร ดิสทริค” นั่นก็คือห้องพักอาศัย ดีไซน์ห้องใหม่ VertiSpace 2 ชั้น ให้เพดานสูงถึง 4.8 ม. ซึ่งสูงที่สุดในย่านเกษตร ยิ่งไปกว่านั้นโครงการยังขายแบบ Fully Furnished แต่งเฟอร์ให้ครบสวยจบพร้อมอยู่ ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วย Material คุณภาพขั้นพรีเมียม 

 

และมีความพิเศษตรงได้ Collab กับเฟอร์นิเจอร์จาก THINKK Studio ที่ไม่ใช่แค่ได้ความสวยงาม แต่ยังมีความ Flexible ในการใช้งาน โดยทั้งโครงการจะเป็นห้องแบบ VertiSpace ทุกยูนิต ซึ่งชั้นพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 20 มีให้เลือกทั้งหมด 3 Type ดังนี้

1. 1 Bed VertiSpace ขนาด 24.46-24.71 ตารางเมตร

2. 2 Beds VertiSpace ขนาด 28.07-29.48 ตารางเมตร

3. 3 Beds VertiSpace ขนาด 27.98 - 34.95 ตารางเมตร

 

► 2 Beds VertiSpace ขนาด 28.07 ตารางเมตร 

(พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 38.19 ตารางเมตร)

เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ของในห้องตัวอย่างกับห้องจริงได้เหมือนกันเกือบทุกอย่าง เริ่มตั้งแต่ประตูที่จะได้ Digital Door Lock เมื่อเปิดเข้ามาจะขอพูดถึงเรื่องระบบไฟก่อนพาชมห้องโซนต่างๆ เพราะโครงการติดตั้งเป็นแบบ Smart Lighting ควบคุมแสงในห้องผ่านแอปพลิเคชัน Roojai ของ SC Asset

 

โดยโซนแรกที่พบเป็นครัวเปิด ซึ่งให้ชุดครัวมาแบบจัดเต็ม นอกจากได้เคาน์เตอร์ครัว ที่ตัวท็อปเป็น Solid Surface แล้ว ยังได้ตู้เก็บของด้านบนยาวสุดผนัง พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า และ Hob & Hood จากแบรนด์ Hafele ที่สำคัญคือแบ่งพื้นที่ทำเป็นตู้เก็บรองเท้ามาให้เรียบร้อย

 

ตรงข้ามคือห้องน้ำ ให้สุขภัณฑ์ครบครันแถมมีดีไซน์สวยอีกด้วย อย่างกระจกก็เป็นรูปทรงวงรีดูเก๋มีสไตล์ ได้อ่างล้างหน้าพร้อมตู้เก็บของข้างใต้ และโถสุขภัณฑ์ ส่วนโซนอาบน้ำก็มีฉากกั้นประตูกระจกนิรภัย แถมกรุช่องใส่อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำมาให้แล้ว รวมถึงได้ Hand Shower และ Rain Shower แบบครบเซต

 

ออกมาจะพบกับโซน Living Area ซึ่งเป็นพื้นที่ไฮไลต์ที่ไม่ใช่แค่ขนาดใหญ่ แต่ยังได้ High to Ceiling สูงถึง 4.8 ม. ทำให้ห้องดูโอ่โถงปลอดโปร่ง

 

โดยสเปซนั่งเล่นตรงนี้จะได้เฟอร์นิเจอร์จาก THINKK Studio คือโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางดีไซน์น่ารักดูโมเดิร์น ซึ่งช่วยปรับ Mood & Tone ให้ห้องดูมีความละมุนอบอุ่นน่าอยู่อาศัย 

 

อีกฝั่งหนึ่งก็บิวท์ชั้นวางทีวีมาให้อย่างดี แต่ที่ชอบคือห้องเก็บของใต้บันไดที่อยู่ด้านหลัง เพื่อไว้ซ่อนของบางชิ้นที่ไม่ได้เหมาะแก่การโชว์ เช่นพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด หรือเป็นสิ่งของที่นานๆ จะหยิบออกมาใช้ซะที ถือว่าตอบโจทย์คนอยู่คอนโดที่ต้องการสเปซในการเก็บของเหล่านี้ได้ดีมาก

 

ติดกันเปรียบเหมือนเป็น Multipurpose Area โดดเด่นด้วยช่องแสงขนาดใหญ่สุดเพดาน บวกกับช่องแสงตรงประตูระเบียงยิ่งช่วยให้แสงเข้ามาได้หลายทิศทาง โดยโซนนี้สามารถกั้นห้องเป็นสัดส่วนได้ หรือจะปล่อยโล่งเชื่อมต่อกันก็เป็นไอเดียที่ดี 

 

ซึ่งโครงการบิวท์อินเฟอร์นิเจอร์เป็นตู้เสื้อผ้าและช่องเก็บของมาแบบจัดเต็ม และให้โซฟาเบดที่ปรับเป็นที่นอนได้ ด้านในสุดมีมุมเหลือมากพอให้วางโต๊ะทำงานได้อีก แต่ความจริงแล้วเราสามารถจัดฟังก์ชันให้เป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบ

 

ฝั่งระเบียงจะเป็นประตูกระจกบานสวิง ให้พื้นที่ใช้สอยประมาณหนึ่ง โดยจะวางเครื่องซักผ้าไว้ตรงพื้นที่นี้ด้วย

 

ขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อเป็นห้องนอน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกชอบที่มีประตูแบบบานเลื่อนกั้นไว้ให้เพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงได้กระจกเข้ามุมและหน้าต่างบานกระทุ้ง ทำให้แสงส่องเข้ามาทั่วถึงและช่วยให้อากาศถ่ายเท

 

ขนาดพื้นที่เองก็ใหญ่พอสมควร โครงการให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมออกแบบบิวท์ตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของมาให้สวยงามและใช้งานได้จริง

 

นอกจากนี้ยังมีสเปซโล่งตรงมุมกระจกให้วางโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบลงล็อกเหมาะเจาะ

 

► 3 Beds VertiSpace ขนาด 27.98 ตารางเมตร 

(พื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 46.57 ตารางเมตร)

พามาชมอีกหนึ่งห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งทางเข้าจะเหมือนกับห้องแรกที่ได้รีวิวไป คือจะพบกับโซนครัวเปิดก่อนเป็นอันดับแรก บิวท์เคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้เก็บของชั้นบนและตู้เก็บรองเท้ามาให้เสร็จสรรพ รวมถึงได้เครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน

 

ตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่ได้ทุกอย่างตามที่เห็นในภาพ ตั้งแต่การตกแต่งผนังด้วยกระเบื้องลายตารางสีเขียว ไปจนถึงสุขภัณฑ์ และการแบ่งพื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน

 

ถัดไปยังคงคอนเซ็ปต์ของการเป็นห้องที่เน้นความสูงโปร่งโล่งสบาย อยู่แล้วไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยการให้พื้นที่แนวดิ่งความสูงจากพื้นถึงเพดาน 4.8 ม. 

 

ส่วนแปลนห้องชั้นล่างก็เป็น Common Area ขนาดใหญ่เปิดพื้นที่คอนเน็กถึงกันทั้งหมด แต่ความจริงแล้วหากอยากจะกั้นห้องเพิ่มอีกหนึ่งห้อง เพื่อให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนก็สามารถทำได้ เนื่องจากพื้นที่มีความยืดหยุ่นในการให้เราออกแบบได้อย่างอิสระ

 

โดยโซนนั่งเล่นจะเหมือนกับห้องก่อนหน้า ฝั่งหนึ่งวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี และวางโต๊ะกลางอีกซะตัว ก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านไปมาได้สะดวก ซึ่งเฟอร์ฯทั้งคู่มาจาก THINKK Studio 

 

อีกทั้งตรงนี้ยังมีห้องเก็บของใต้บันไดอยู่ด้านหลังชั้นวางทีวี ซึ่งมีพื้นที่ให้เก็บของได้เยอะพอสมควรเลย

 

เดินเข้าไปด้านในทางโครงการก็จัดสรรพื้นที่ใช้งานมาให้คุ้มค่า บิวท์ตู้เสื้อผ้าและชั้นเก็บของมาให้ โดยที่เราไม่ต้องเสียเงินและเสียเวลาบิวท์ต่อเติมเอง ส่วนโซฟาก็จัดสรรมาให้เรียบร้อยแถมยังปรับเป็นที่นอนได้ ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่น่าสนใจเพราะช่วยประหยัดพื้นที่ได้เยอะ 

 

ด้านระเบียงจะได้แบบประตูกระจกบานสวิง และอีกด้านกรุกระจกเพิ่มช่องแสงช่วยเพิ่มความสว่างไสวให้แก่ห้องได้อย่างดี ซึ่งวางเครื่องซักผ้าแล้วก็ยังเหลือสเปซอีกประมาณหนึ่ง

 

แต่ที่อยากให้โฟกัสเป็นพิเศษคือ Layout ชั้นบน ที่แบ่ง 2 ห้องนอนออกเป็นสองฝั่ง ให้ฟีลคล้ายอยู่บ้าน 

 

ห้องนอนแรกจะอยู่ใกล้บันได โดยได้ประตูบานเลื่อนและให้สเปซมากว้างขวางเช่นเดิม ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทั้งฐานเตียงและตู้เสื้อผ้าของจริงก็จะได้แบบนี้เลย

 

ถัดไปเป็นห้องนอนฝั่งขวามือ ที่ยังไม่ทิ้งในการให้ความสำคัญกับช่องแสง ได้ทั้งหน้าต่างบานกระทุ้งและบานฟิกซ์จากสามทิศทาง พร้อมเพิ่มกิมมิกตรงฐานเตียง ซึ่งออกแบบให้มีสเต็ปดูมินิมอลและก็ทำให้ห้องดูมีมิติมากขึ้น

 

อีกฝั่งหนึ่งเป็นมุมแต่งตัว บิวท์ตู้เสื้อผ้ากว้างเต็มผนังและสูงสุดเพดาน แน่นอนว่าทั้งหมดในห้องนอนนี้ โครงการก็บิวท์มาให้สวยงามลงตัว

 

 

สามารถเลือกโลเคชันความเป็น District ได้ตรงจุดตรงใจ จะเดินทางก็สะดวกสบาย หรือจะไปเรียน ทำงาน และเที่ยว ก็ไปได้ทั่วทิศตอบโจทย์ทุกความต้องการให้เป็นเรื่องง่ายดาย พร้อมกับการยกระดับโครงการทั้งเรื่องของดีไซน์ล้ำสมัยมีเอกลักษณ์ และฟังก์ชันที่หลากหลายครบสมบูรณ์แบบ รวมไปถึงการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายใต้พื้นที่จำกัดได้แบบคุ้มค่า จึงมั่นใจได้เลยว่าราคานี้คือไม่แพง!!

 

พร้อมแล้วที่จะโชว์ว่านี่แหละคือคอนโดแนวคิดใหม่ ที่มีความน่าสนใจและตอกย้ำว่าเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพนักงานราชการ เอกชน บุคลากรมหาลัยและโรงพยาบาล หรือแม้แต่บรรดาผู้ปกครองที่อยากซื้อให้ลูกหลานที่เป็นนักศึกษาอยู่อาศัย ก็สามารถรู้สึกเป็นเจ้าของได้อย่างภาคภูมิใจ

 

หากชื่นชอบก็แวะไปชมให้เห็นกับตากันได้ แต่อย่าลืมลงทะเบียนกันก่อนที่ลิงก์นี้ >>> https://bit.ly/4hou2J2